ส่องแนวโน้มการลงทุนในปี 2024

แนวโน้มการลงทุนต่างๆ สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในโลก และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ นี้ก็มีผลกระทบต่อศักยภาพในการลงทุนด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ปี 2024 กันแล้วก็ถึงเวลาที่จะเริ่มพิจารณาแนวโน้มทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในปี 2024 หรือปี 2567 กันต่อไปด้วย
กล่าวได้ว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับแนวโน้มทางการเงินใหม่ๆ ซึ่งในบทความนี้ เราจะพูดถึงแนวโน้มทางการเงินที่น่าจับตาในปี 2024 รวมถึงข้อดีและข้อเสียต่างๆ ไปพร้อมกัน ที่นี่ที่เดียว!
ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในอนาคต
ส่องแนวโน้มการลงทุน ปี 2024
ก่อนจะพิจารณาแนวโน้มทางการเงินที่น่าจับตามองในปี 2024 เราต้องเริ่มต้นด้วยพื้นฐาน ซึ่งก็คือการกำหนดแนวโน้มทางการเงิน
แนวโน้มทางลงทุนและการเงินก็ไม่ได้แตกต่างจากแนวโน้มทั่วไปมากนัก โดยแนวโน้มทางการเงินจะบ่งชี้ถึงทิศทางที่ตลาดหรือสินทรัพย์หนึ่งๆ กำลังมุ่งหน้าไป - ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ซึ่งโดยทั่วไปในทางการเงินก็สามารถแบ่งแนวโน้มออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. Uptrends
Uptrends หรือ แนวโน้มขาขึ้น ซึ่งหมายถึงราคาในตลาดที่เพิ่มขึ้นทีละน้อย
2. Downtrends
ในทางกลับกัน Downtrends ก็คือแนวโน้มในช่วงขาลง ซึ่งหมายถึงราคาในตลาดที่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม ทำให้ราคาลดลงทีละน้อย
แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือความผันผวนของราคา ทำให้เป็นสาเหตุของแนวโน้มหรือทิศทางการลงทุนนั่นเอง และแม้ว่าราคาอาจลดลงบ้างในช่วงขาขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้วราคาก็จะขยับขึ้น ในทำนองเดียวกันราคาก็อาจเพิ่มขึ้นในช่วงขาลง (แต่โดยทั่วไปแล้วราคาจะเคลื่อนตัวลง)
ซึ่งในปี 2023 อุตสาหกรรมฟินเทค (Fintech) ได้แสดงถึงเทรนด์ที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งจะเป็นคำที่เราน่าจะได้ยินมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
นอกจากนี้เรายังเห็นแนวโน้มการลงทุนในอนาคตที่มาจากแนวโน้มเดิมที่ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ เช่น ระบบการชำระเงินดิจิทัล การเงินแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Finance) และสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโต รวมทั้งการจัดการเงินส่วนบุคคล ธนาคารแบบเปิด (Open Banking) ความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัว รวมถึงซอฟต์แวร์ในฐานะบริการ (SaaS) ที่มีแนวโน้มสำคัญสำหรับการลงทุนในปี 2024
หากคุณต้องการเรียนรู้ตลาดการเงิน โดยเฉพาะการซื้อขายและการลงทุน รวมทั้งแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นหรือแนวโน้มการลงทุนในอนาคตก็สามารถเข้าร่วมสัมนาการเทรดออนไลน์ของเราได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม ดูรายละเอียดหรือลงชื่อเข้าร่วมสัมนาคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างเพื่อลงทะเบียนได้เลย!
แนวโน้มการลงทุน ปี 2567 ที่ควรจับตามอง
เทรนด์การเงินที่น่าจับตามองในปี 2567 หรือ 2024 นี้ จะเป็นอย่างไร มาดูแนวโน้มทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นโดยละเอียดไปพร้อมกันต่อจากนี้!
1. AI และ Machine Learning (ML)
AI หรือปัญญาประดิษฐ์และ Machine Learning ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป เพราะในช่วงปีที่ผ่านมาทั้ง AI และ ML ต่างก็เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ร้อนแรงที่ถูกกล่าวถึงสุดในปี 2023
ส่วนในด้านการเงิน ก็มีการอัลกอริธึมหรือบอทการเทรดและใช้การเทรดอัตโนมัติมากขึ้น ส่วนในการทำงานก็มีการใช้บอทเพื่อตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงและให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีการคาดการณ์ว่า AI จะเติบโตและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้นในอนาคต
ข้อดีและข้อเสียของเทรนด์การลงทุนใน AI และ ML
- ระบบ AI ถูกนำมาใช้ในด้านการเงิน และการทำงานต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และสามารถจัดการข้อมูลจำนวนมาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ AI มักจะถูกนำมาใช้เพื่อลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ เร่งกระบวนการ และช่วยค้นหาโซลูชันใหม่ๆ นั่นเอง
- การเติบโตอย่างรวดเร็วและประสิทธิภาพที่ดีขึ้นของ AI ทำให้เกิดการถกเถียงกันเกี่ยวกับจริยธรรมและขีดจำกัดที่ควรกำหนด ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องมีการอภิปรายกันต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้
2. ระบบการเงินเพื่อการฟื้นฟู (Regenerative Finance - ReFi)
ความยั่งยืนเป็นแนวโน้มการลงทุนที่ค่อยเป็นค่อยไป และระบบการเงินเพื่อการฟื้นฟู (ReFi) ซึ่งมุ่งเน้นการดำเนินการโดยใช้ Blockchain ก็สอดคล้องกับหลักการที่ยั่งยืนนี้ แต่ ReFi ก็มีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานที่มากกว่าความยั่งยืน
โดย ReFi คือการวางแผนที่จะลดการสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม โดยการรวมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนเข้ากับการลงทุนทางสังคม โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นส่วนสำคัญ ซึ่งมีความโปร่งใส และช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงแนวโฯ้มการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระจายอำนาจออกจากศูนย์กลางใหญ่ๆ เพียงศูนย์เดียวและช่วยให้กระบวนการตัดสินใจเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
และเมื่อรวม 2 เทรนด์ยอดนิยมนี้เข้าด้วยกันทำให้ ReFi เป็นอีกหนึ่งเทรนด์การลงทุน 2024 ที่น่าจะน่าสนใจ
ข้อดีและข้อเสียของเทรนด์การลงทุนใน ReFi
- ReFi ช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับความเชื่อให้สอดคล้องกับสินทรัพย์ที่สนใจได้ เช่น เราอาจลงทุนในแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
- ReFi เกี่ยวข้องโดยตรงกับเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งหมายความว่ายังมีข้อเสียอยู่บ้างเช่นกัน โดยเฉพาะจากความผันผวนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และโทเค็น (Token) ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก
3. การลงทุนที่ยั่งยืนและ ESG
สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และความยั่งยืนเป็นเสาหลักของการลงทุนอย่างมีจริยธรรม เช่นเดียวกับ ReFi ที่บริษัทที่ปฏิบัติตาม ESG และแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนจะช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนในบริษัืที่เห็นคุณค่าในสิ่งเดียวกัน
กล่าวได้ว่า นักลงทุนได้แสดงความสนใจในบริษัทที่ปฏิบัติตาม ESG ด้วยแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดเป็นแรงผลักดันให้ตลาดต้องปรับตัว และมีบริษัทจำนวนมากที่ปฏิบัติตามแนวทางที่ยั่งยืนและให้ดำเนินการโดยคำนึงถึง ESG มากขึ้น
ซึ่งการลงทุนอย่างยั่งยืนและ ESG ก๋อยู่ในกระแสนิยมมาระยะหนึ่งแล้ว และยังเป็นแนวโน้มการลงทุนที่จะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2567 อย่างแน่นอน
ข้อดีและข้อเสียของเทรนด์การลงทุนที่ยั่งยืนและ ESG
- การลงทุนที่ยั่งยืนและ ESG เป็นกุญแจสำคัญสำหรับนักลงทุนที่มีจริยธรรมรุ่นใหม่ บริษัทต่างๆ พยายามปรับตัวเข้ากับความเป็นจริงใหม่นี้ โดยสร้างโอกาสและทางเลือกใหม่ๆ ในการลงทุน ทำให้กลายเป็นตลาดที่กำลังเติบโตซึ่งจะยังคงขยายตัวต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้
- Greenwashing หรือกระบวนการในการถ่ายทอดความรู้สึกผิดๆ หรือข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาจเป็นข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับความยั่งยืนและ ESG เนื่องจากบริษัทต่างๆ ถูกกล่าวหาว่าพยายามสร้างข้อมูลเพื่อให้ดู "เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" และดึงดูดนักลงทุน
คุณเคยลองใช้ MT5 เพื่อวิเคราะห์และสร้างกลยุทธ์การตลาดแล้วหรือยัง? คุณสามารถใช้ MT5 ได้ฟรีที่ Admirals - ดาวน์โหลดฟรีก่อนใคร คลิกแบนเนอร์ด้านล่างได้เลย!
4. เทคโนโลยี SaaS
SaaS ย่อมาจาก Software as a Service ที่สามารถดำเนินการได้อย่างน่าประทับใจในหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งคุณสามารถเห็นความสำเร็จนี้จากการเติบโตของกลุ่มสตรีมมิ่งยอดนิยมที่ต้องใช้เทคโนโลยีของ SaaS อย่าง Netflix, Spotify หรือ HBO Max เป็นต้น
กล่าวได้ว่า SaaS ช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้งซอฟต์แวร์ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการได้ทุกที่ทุกเวลา
แน่นอนว่า บริษัทใช้เทคโนโลยีของ SaaS ก็สามารถดำการบำรุงรักษาได้ง่ายขึ้นและค่อนข้างถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับซอฟต์แวร์ทั่วไป ซึ่งการลงทุนใน SaaS เป็นเทรนด์ยอดนิยมมาตั้งแต่ก่อนปี 2023 และมีแนวโน้มการลงทุนในอนาคตที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ข้อดีและข้อเสียของเทรนด์การลงทุนในเทคโนโลยี SaaS
- บริษัท SaaS ส่วนใหญ่ดำเนินการในระบบสมาชิก จึงสามารถเติบโตและมีรายได้ค่อนข้างคงที่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลดีต่อนักลงทุน
- การดำเนินการในเทคโนโลยี SaaS มีการแข่งขันสูง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มสูง ทำให้ลูกค้าสามารถเยกเลิกการสมัครสมาชิกบริการเหล่านี้บางส่วน เพื่อประหยัดเงินได้ ทำให้บางบริษัท เช่น Spotify มีผลการดำเนินการในปี 2022 และ 2023 ที่ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ในช่วงแรกๆ
5. โลกการเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance - DeFi)
ระบบเศรษฐกิจที่ใช้ Blockchain สามารถดึงดูดผู้คนได้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโลกการเงินแบบกระจายศูนย์ หรือ DeFi ก็ถูกนำมาใช้ในระบบสกุลเงินดิจิทัล และสินทรัพย์ที่คล้ายกันอย่างกว้างขวาง
การลงทุนใน DeFi ได้รับความนิยมในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ ทำให้ DeFi ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกมากจึงเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มการลงทุนที่น่าจับตามองต่อไปในอนาคต
ข้อดีและข้อเสียของเทรนด์การลงทุนใน DeFi
- DeFi เป็นกลุ่มที่เติบโตอย่างรวดเร็วซึ่งยังคงดึงดูดผู้ใช้ใหม่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการทำธุรกรรมทางการเงินมีเพิ่มมากขึ้น และแนวโน้มอาจจะไม่เปลี่ยนแปลงในปี 2567
- ไม่ต่างจากคริปโตและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain ซึ่ง DeFi ก็มีความผันผวนอย่างมาก ซึ่งคุณจะต้องสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
หากคุณยังใหม่ในเส้นทางการเทรดและการลงทุน Admirals พร้อมเสริมสร้างประสบการณ์เทรด และช่วยให้คุณทำความคุ้นเคยกับตลาดและทดลองกลยุทธ์ต่างๆ ได้ฟรีด้วยบัญชีทดลองเทรดของเรา คลิกแบนเนอร์ด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดหรือเปิดบัญชีก่อนใครได้เลย!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุน 2567
Fintech จะส่งผลต่อแนวโน้มการลงทุนและตลาดการเงินอย่างไร ?
บริษัท Fintech จะนำเสนอการวิเคราะห์ข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้ธนาคารสามารถตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้ ทำให้ธนาคารสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น และออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงตามความต้องการได้ดีมากขึ้น และสามารถเพิ่มการเข้าถึงทางการเงินที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
AI จะส่งผลต่อแนวโน้มการลงทุนและตลาดการเงินอย่างไร ?
ปัจจุบันสถาบันการเงินหลายแห่งตัดสินใจเรื่องความเสี่ยง การจัดสรรเงินทุน และการพิจารณารับประกันโดยอิงจากข้อมูลเพียง 10% ที่มีอยู่เท่านั้น ซึ่ง AI จะทำให้สถาบันการเงินมีความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงกระบวนการตัดสินใจย่างความแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จมากขึ้น
ทำไม AI และ Blockchain จึงถูกมองว่าเป็นแนวโน้มการลงทุนในอนาคต ?
AI และ Blockchain เป็น 2 เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดในยุคของเรา และได้สร้างผลกระทบสำคัญต่ออุตสาหกรรมการเงินทั่วโลกมากมาย ซึ่ง AI กำลังถูกใช้ในระบบงานอัตโนมัติต่างๆ และเพื่อการปรับปรุงการตรวจจับการฉ้อโกง และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ และ Blockchain ก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อความโปร่งใสที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นนั่นเอง
บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
- หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง
- เล่นหุ้นระยะสั้น - เล่นหุ้นยังไงให้ได้เงินทุกวัน
- กำไรต่อหุ้น (EPS) คืออะไร รู้จักและเข้าใจก่อนเริ่มลงทุน!
รู้จักกับ Admirals
Admirals โบรกเกอร์ที่ได้รับรางวัลมากมาย และได้รับใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหลากหลายองค์กรทั่วโลกกว่า เช่น FCA, CySEC, ASIC, IIROC, EFSA, JSC เป็นต้น โดย Admirals ให้บริการซื้อขายตราสารทางการเงินมากกว่า 8,000 รายการ ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก อย่าง MT4 และ MT5 เพื่อให้คุณลงทุนใน Forex และ CFD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจการลงทุน สามารถเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันนี้!