หุ้นราคาถูก - ทุกเรื่องที่คุณควรรู้!

กล่าวได้ว่าหุ้นราคาถูกนั้นเป็นหุ้นที่ตรงตามวลีที่เหล่านักลงทุนต่างคุ้นเคยว่า 'ซื้อต่ำ ขายสูง' โดยหุ้นราคาถูกอาจเป็นจุดที่ดีในการซื้อต่ำหรืออาจลดลงต่อไป
ซึ่งในคัดหุ้นราคาถูกอาจเป็นกระบวนการที่ยาก แต่ก็มีเกณฑ์การประเมินมูลค่าที่นักลงทุนใช้ในการตัดสินใจ ซึ่งเราจะศึกษาในบทความวิธีหาหุ้นราคาถูกไปพร้อมกันที่นี่
รู้จักและเข้าใจหุ้นราคาถูกก่อนลงทุนหุ้นราคาถูก!
หุ้นราคาถูก คืออะไร
หุ้นราคาถูก คือ หุ้นบริษัทที่ราคาหุ้นซื้อขายในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับมูลค่าที่ควรจะเป็น แล้วหุ้นราคาถูกเกิดขึ้นได้อย่างไร ? บริษัทที่ดีและมีแนวโน้มระยะยาวที่แข็งแกร่งอาจได้รับผลกระทบจากข่าวร้ายซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นตกต่ำลง ทำให้กลายเป็นหุ้นราคาถูกสำหรับนักลงทุนบางส่วน
วิธีหาหุ้นราคาถูกอาจเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับการวิเคราะห์มูลค่าของบริษัทโดยใช้ตัวชี้วัดการประเมินมูลค่าต่างๆ ในการคัดหุ้นราคาถูก ซึ่งนักลงทุนส่วนหนึ่งก็มักจะใช้เทคนิคการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI)
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นวิธีการหนึ่งในวิธีหาหุ้นราคาถูกที่มีการซื้อขายโดยมีส่วนลดตามมูลค่าที่แท้จริง นักลงทุนรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Warren Buffett ผู้ซึ่งพยายามลงทุนในบริษัทที่มีการซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น
วิธีหาหุ้นราคาถูก
หุ้นราคาถูก คือหุ้นที่มีอัตราส่วนทางการเงินที่แตกต่างกันหลายร้อยหรือหลายพันแบบ ซึ่งนักลงทุนจะใช้เพื่อคัดหุ้นราคาถูกว่าบริษัทมีมูลค่าต่ำเกินไปและถือเป็นหุ้นราคาถูกที่จะซื้อหรือไม่ โดยมีเกณฑ์ทั่วไปที่ใช้ในการเลือกหุ้นราคาถูก ดังนี้
1.กำไรต่อหุ้น (EPS)
กำไรต่อหุ้น (EPS) จะใช้วัดจำนวนเงินที่บริษัทได้รับเมื่อเทียบกับจำนวนหุ้นที่มีอยู่ คำนวณโดยการหารกำไรของบริษัทด้วยจำนวนหุ้นคงเหลือ
EPS จึงเป็นวิธีทั่วไปในการประมาณมูลค่าของบริษัท เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับระดับความสามารถในการทำกำไรของบริษัท EPS ที่สูงขึ้นบ่งบอกถึงมูลค่าที่มากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเต็มใจที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อหุ้นของบริษัท เพราะเชื่อว่าสามารถสร้างผลกำไรในระดับสูงเมื่อเทียบกับราคาหุ้นของบริษัท
เช่นเดียวกับตัวชี้วัดทางการเงินส่วนใหญ่ EPS มีคุณค่ามากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มหุ้นหรืออุตสาหกรรมหรือภาคส่วนเดียวกัน
2. อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E)
อัตราส่วนราคาต่อกำไรคำนวณโดยการหารราคาหุ้นของบริษัทด้วยกำไรต่อหุ้น (EPS) อัตราส่วนนี้จะช่วยพิจารณาว่าหุ้นมีมูลค่าต่ำเกินไปหรือไม่โดยการเปรียบเทียบราคาหุ้นของบริษัทกับกำไรที่ทำได้
อัตราส่วน PE ที่สูงอาจหมายความว่าบริษัทมีมูลค่าสูงเกินไป ในขณะที่อัตราส่วน PE ต่ำอาจหมายความว่าบริษัทมีมูลค่าต่ำเกินไป สิ่งสำคัญคือการเปรียบเทียบอัตราส่วนราคาต่อกำไรกับบริษัทต่างๆ ในภาคเดียวกันจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
ตัวอย่างเช่น การเปรียบเทียบอัตราส่วนราคาต่อรายได้ของซูเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักรจะช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าซูเปอร์มาร์เก็ตใดมีประสิทธิภาพต่ำกว่าหรือมีประสิทธิภาพเกินเกณฑ์
P/E มี 2 ประเภท คือ
1. Trailing P/E (P/E ย้อนหลัง) ซึ่งคำนวณจากกำไรย้อนหลังของ 4 ไตรมาส
2. Forward P/E (P/E ล่วงหน้า) ซึ่งคำนวณจากการคาดการณ์กำไรในอนาคต
3. อัตราส่วนราคาต่อการขาย (P/S)
โดยทั่วไปอัตราส่วนราคาต่อการขาย (P/S) จะคำนวณโดยการหารมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทด้วยรายได้ โดยมูลค่าหุ้นจะอิงตามรายได้ต่อปีของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ และมีประโยชน์เมื่อเปรียบเทียบอัตราส่วนกับบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
4. อัตราส่วนราคาต่อบัญชี (P/B)
อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าตามบัญชี (P/B) จะวัดมูลค่าตลาดของบริษัทต่อมูลค่าตามบัญชี คำนวณโดยการหารราคาหุ้นของบริษัทด้วยมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนรายใหญ่ต้องการเห็นอัตราส่วน P/B ต่ำกว่า 1.0 แต่จะมีประโยชน์มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ส่องหุ้นธีมราคาถูกที่น่าจับตามอง
ก่อนซื้อหุ้นราคาถูกควรระลึกอยู่เสมอว่า นักลงทุนทุกคนให้ความสำคัญและให้ความหมายของหุ้นราคาถูกที่แตกต่างกัน นักลงทุนที่มีโมเมนตัมอาจซื้อหุ้นราคาถูกในราคาที่สูง ซึ่งนักลงทุน VI ระยะยาวอาจจะบอกว่าสูงเกินไป ดังนั้น การเลือกวิธีหาหุ้นราคาถูกด้วยรูปแบบการลงทุนของคุณหรือสร้างแผนการเทรดก่อน เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสม เมื่อมีแผนการเทรดแล้วก็มาหาหุ้นราคาถูกไปพร้อมกัน!
1. Barclays (BARC)
Barclays บริษัทผู้ให้บริการทางการเงินที่ดำเนินงานทั่วโลก และให้บริการด้านการธนาคารเพื่อรายย่อย สินเชื่อ การขายส่ง วาณิชธนกิจ และการบริหารความมั่งคั่ง ก่อตั้งขึ้นในปี 1690 มีพนักงาน 87,400 คน และมีมูลค่าตลาดที่ราวๆ 24.1 พันล้านปอนด์
อัตราส่วนราคาต่อรายได้ในปัจจุบันอยู่ที่ 4.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 7.4 เท่า แนะนำมูลค่าบางส่วนตามตัวชี้วัดนี้ เมื่อพิจารณาการเติบโตของกำไรที่คาดการณ์ไว้ของบริษัท หุ้นมีการซื้อขายต่ำกว่าอัตราส่วนราคายุติธรรมต่อกำไรที่ 7.4 เท่า
อัตราส่วนราคาต่อการจองปัจจุบันคือ 0.4 เท่า โดยมีอัตราส่วนราคาต่อการขายที่ 1 เท่า ราคาหุ้นได้ดิ้นรนในปีนี้เนื่องจากความเชื่อมั่นในหุ้นธนาคาร เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลเข้าควบคุมธนาคาร Silicon Valley Bank ในสหรัฐฯ
2. Rolls-Royce Holdings (RR)
Rolls-Royce Holdings ก่อตั้งขึ้นในปี 1884 มีพนักงาน 41,800 คน โดยมีมูลค่าตลาด 13.0 พันล้านปอนด์ บริษัทดำเนินการใน 4 ภาคส่วน ได้แก่ การบินพลเรือน ระบบไฟฟ้า การป้องกันประเทศ และตลาดใหม่ โดยครอบคลุมถึงการพัฒนาและการผลิตเครื่องยนต์อากาศยานสำหรับเครื่องบินขนาดใหญ่ การขายเครื่องยนต์ให้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทางทหารและใต้น้ำ เป็นต้น
อัตราส่วนราคาต่อยอดขายของบริษัทอยู่ที่ 1 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทคู่แข่งที่ 2.1 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมการบินและอวกาศและการป้องกันประเทศของยุโรปที่ 1.4 เท่า คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมจะเติบโต 7.2% โดยคาดว่าโรลส์-รอยซ์จะเติบโต 5.2% ในเวลาเดียวกัน
ราคาหุ้นโรลส์-รอยซ์ทรุดตัวลงมากกว่า 90% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2014 สู่ระดับต่ำสุดในปี 2020 นับตั้งแต่นั้นมา ราคาหุ้นก็พุ่งสูงขึ้นกว่า 300% แต่ยังคงมีอุปสรรคสำหรับตลาดหุ้นและอุตสาหกรรมการบินในสหราชอาณาจักรเนื่องจากพลังงาน ความผันผวนของราคา
3. Marks and Spencer (MKS)
Marks and Spencer ผู้ค้าปลีกข้ามชาติของอังกฤษ ที่เชี่ยวชาญด้านการขายผลิตภัณฑ์อาหาร เสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์ในบ้าน ก่อตั้งขึ้นในปี 1884 มีพนักงานมากกว่า 78,000 คน และมีมูลค่าตลาด 3.1 พันล้านปอนด์
อัตราส่วนราคาต่อกำไรปัจจุบันอยู่ที่ 9.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 13.3 เท่า เมื่อนำการเติบโตของกำไรที่คาดการณ์ไว้ของบริษัทมาพิจารณา จะต่ำกว่าอัตราส่วนกำไรจากราคายุติธรรมที่ 13.8 เท่า
แม้ว่าการวัดมูลค่านี้จะแนะนำหุ้นราคาถูก พื้นฐานดีที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม แต่เมื่อวิเคราะห์กระแสเงินสดในอนาคตโดยใช้แบบจำลองกระแสเงินสดคิดลด มูลค่ายุติธรรมจะอยู่ที่ 0.91 ปอนด์ ซึ่งทำให้หุ้นมีมูลค่าสูงเกินไป
ภาพรวมของหุ้นราคาถูกและการลงทุนหุ้นราคาถูก
การวิเคราะห์ทิศทางราคาในระยะยาวของหุ้นอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย การกระจายพอร์ตการลงทุนและรักษาความเสี่ยงให้น้อยเพื่อจัดการทั้งการลงทุนที่ชนะและขาดทุนอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น
นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะใช้เทคนิคการวิเคราะห์ผสมผสานกันในการวิเคราะห์หุ้น ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์พื้นฐานของบริษัท เช่น การวิเคราะห์การขาย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และความแข็งแกร่งของภาคส่วน นอกจากนี้ยังมีสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคที่ต้องพิจารณา เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นโดยรวมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการวิเคราะห์หุ้นราคาถูก เนื่องจากสามารถศึกษาจากราคาในอดีตโดยใช้รูปแบบกราฟและอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคเพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมการซื้อและการขาย
ซึ่งวิธีเริ่มต้นที่ดีคือการใช้บัญชีทดลองเทรด ที่คุณสามารถฝึกฝนเทคนิคและกลยุทธ์การวิเคราะห์ต่างๆ ในสภาพแวดล้อมการซื้อขายเสมือนจริงจนกว่าคุณจะพร้อมเทรดในบัญชีจริง
หุ้นราคาถูกและคำถามที่พบบ่อย
ซื้อหุ้นราคาถูก ดีจริงไหม ?
หุ้นราคาถูกจะมีราคาถูกกว่าจึงถือว่ามีความผันผวนสูง โดยปกติแล้วราคาหุ้นจะสูงขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็วในในช่วงเวลาสั้นๆ และบ่อยครั้ง นักลงทุนที่มองหาหุ้นที่มีความมั่นคงและมั่นคงจึงมักไม่ชอบหุ้นราคาถูก
หุ้นราคาถูกเสี่ยงกว่าจริงไหม ?
แม้ว่าหุ้นราคาต่ำจะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและมีความผันผวนสูง เนื่องจากมีความผันผวนสูงขึ้นและมีสภาพคล่องต่ำลง ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อหุ้นเพนนีหรือหุ้นราคาถูก แม้ว่าจะเป็นหุ้นราคาถูก พื้นฐานดี หากต้องการขายก็อาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก
หุ้นราคาถูก - อะไรทำให้หุ้นมีมูลค่าต่ำเกินไป ?
หุ้นที่มีมูลค่าต่ำเกินไป หมายถึง หุ้นที่ขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น หากหุ้นขายในราคา 50 ดอลลาร์ แต่มีมูลค่า 100 ดอลลาร์โดยอิงจากกระแสเงินสดในอนาคตที่คาดการณ์ได้ แสดงว่าหุ้นนั้นมีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าจริง
บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
- Growth Investing และการลงทุนหุ้นเติบโต
- รู้จักและเข้าใจการลงทุนหุ้นแบบ Fractional Shares ครบทุกขั้นตอน!
- Defensive stock คือ ? รู้จักและเข้าใจเพื่อสร้างพอร์ตหุ้นปลอดภัย
รู้จักกับ Admirals
Admirals โบรกเกอร์ที่ได้รับรางวัลมากมาย และได้รับใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหลากหลายองค์กรทั่วโลกกว่า เช่น FCA, CySEC, ASIC, IIROC, EFSA, JSC เป็นต้น โดย Admirals ให้บริการซื้อขายตราสารทางการเงินมากกว่า 8,000 รายการ ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก อย่าง MT4 และ MT5 เพื่อให้คุณลงทุนใน Forex และ CFD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจการลงทุน สามารถเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันนี้!
ข้อมูลเกี่ยวกับบทความ/สื่อที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์:
บทความหรือสื่อที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทั้งหมด ทั้งการประมาณการ การคาดการณ์ การทบทวนตลาด มุมมองรายสัปดาห์ หรือการประเมินหรือข้อมูลอื่นที่คล้ายคลึงกัน (ต่อไปนี้เรียกว่า "การวิเคราะห์") ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัทการลงทุนของ Admirals ที่ดำเนินการภายใต้เครื่องหมายการค้า Admirals (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "Admirals") โปรดทำความเข้าใจในข้อมูลเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน
- บทความนี้คือการสื่อสารการตลาด โดยมีเนื้อหาในการเผยแพร่เพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นจึงไม่สามารถตีความว่าเป็นคำแนะนำหรือคำแนะนำในการลงทุนได้ อีกทั้งบทความนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ในการดำเนินการก่อนการเผยแพร่งานวิจัยด้านการลงทุน
- ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนทั้งหมดด้วยตนเอง Admirals จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าจะอิงจากเนื้อหาหรือไม่ก็ตาม
- Admirals ได้กำหนดขั้นตอนภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ด้วยมุมมองที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าและการวิเคราะห์ข้อมูล
- บทความวิเคราะห์นี้ จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ Roberto Rivero ผู้ร่วมให้ข้อมูลอิสระ (ต่อไปนี้เรียกว่า "ผู้เขียน") ตามการประเมินส่วนบุคคล
- เราพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดเชื่อถือได้และข้อมูลทั้งหมดที่ถูกนำเสนอนี้เข้าใจง่าย ทันเวลา แม่นยำ และครบถ้วนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้ Admirals จะไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ข้อมูลที่มีอยู่ในการวิเคราะห์
- ไม่ควรตีความว่าผลการดำเนินงานของเครื่องมือทางการเงินในอดีตหรือแบบจำลองใดๆ ที่ระบุในเนื้อหาว่าเป็นคำแนะนำโดยชัดแจ้ง โดยปริยาย หรือโดยนัย จาก Admirals สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต มูลค่าของเครื่องมือทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลง และไม่รับประกันการรักษามูลค่าของสินทรัพย์
- ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับส่วนต่าง; CFD) เป็นการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนหรือกำไร โปรดทำความเข้าใจในความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจ