ส่องบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกก่อนเริ่มลงทุน!

บรรดาบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกก็สามารถฝ่าฟันกระแสการระบาดใหญ่ที่ส่งผลให้ทั่วโลกต้องล็อกดาวน์ และส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในตลาดตราสารทุน โดยในเดือนมีนาคม 2020 ซึ่งเป็นเดือนที่มีความผันผวนสูง แต่เหล่าบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ก็ค่อยๆ กลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดได้อีกครั้ง
ในบทความนี้ เราจะชวนคุณมาทำความรู้จักกับ 10 บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ตามมูลค่าตลาดนอก ซึ่งเราจะมาดูกันว่าวิกฤตนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ และการลงทุนในบริษัทบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดเหล่านี้อย่างไร ไปพร้อมกันที่นี่!
หากกำลังวางแผนการลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก คุณคิดว่าบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกคืออะไรบ้าง ? Apple จะยังคงเป็นผู้นำในฐานะบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก นำหน้า Microsoft และ Saudi Aramco หรือไม่ ? |
10 บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
กว่าจะเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามมูลค่าตลาด
มูลค่าหุ้นของเหล่าบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกฟื้นตัวก่อนกำหนดจากการล่มสลายในเดือนมีนาคม 2020 มากจนมีมูลค่ารวมของ 100 บริษัทอันดับแรกของโลก ตามรายงานของ PwC '100 บริษัทชั้นนำทั่วโลกตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด' มีมูลค่าสูงสุดในโลกเพิ่มขึ้นจาก 21.4 ล้านล้านดอลลาร์เป็น 31.7 ล้านล้านดอลลาร์ ระหว่างวันที่ดังกล่าวถึงเดือนมีนาคม 2021 เพิ่มขึ้น 48% ในเวลาเพียงหนึ่งปี
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 35.16 ล้านล้านดอลลาร์ระหว่างเดือนมีนาคม 2021 ถึงมีนาคม 2022
หลังจากเข้าสู่ปี 2023 เรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก 10 แห่งโดยพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
APPLE (AAPL)
Apple กลับมาครองตำแหน่งสูงสุดในรายชื่อบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก Apple เริ่มเปิดตัวในปี 1997 เมื่อ Steve Jobs หนึ่งในผู้ก่อตั้งที่ออกจากบริษัทไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน เข้ามารับตำแหน่ง CEO เขาดำรงตำแหน่งนี้จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2011 แต่ Steve Jobs ก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในไม่กี่สัปดาห์ต่อมา
สิ่งที่ Steve Jobs ทำกับ Apple คือการสร้างฐานแฟนคลับจำนวนมากจากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกและผู้ที่คลั่งไคล้แบรนด์นี้ยินดีจ่ายในราคาสูงลิ่ว จากปี 2000 ถึงปี 2010 ความสำเร็จของ Apple ส่วนใหญ่มาจาก iPhone และ iPad
จากความสามารถในการทำงานที่หลากหลาย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จึงสามารถปฏิวัติการเทคโนโลยีทำให้ Apple มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในตลาดหุ้น โดย Apple ถือครองมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกระหว่างปี 2012 - 2017 โดยมี Microsoft แย่งตำแหน่งนี้ไปจาก Apple ในปี 2018 ในขณะที่ Aramco ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นเมื่อสิ้นปี 2019 ทำให้ Apple ตกไปอยู่ที่อันดับ 3
ปัจจุบัน Apple มีมูลค่าตลาด ณ วันที่ 24 มีนาคม 2023 อยู่ที่ 2.51 ล้านล้านดอลลาร์ |
ที่มา: companiesmarketcap.com
มาดูกราฟทางเทคนิคของ Apple ให้ละเอียดยิ่งขึ้นเพื่อทำความเข้าใจประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น:
กราฟแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่สอดคล้องกัน ซึ่งเด่นชัดมากขึ้นหลังจากที่ตลาดการเงินพังทลายในเดือนมีนาคม 2020 อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด (เน้นด้วยสี่เหลี่ยมสีชมพู)
จากวันนั้นไม่นาน ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2020 Apple มีการแตกหุ้นแบบ 4 ต่อ 1 ทำให้แต่ละหุ้น Apple มีมูลค่า 500 ดอลลาร์ เริ่มซื้อขายที่ 120 ดอลลาร์ และหลังจากนั้นราคาหุ้นอยู่ที่ 134 ดอลลาร์ ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2022 เพิ่มขึ้นจาก 134 ดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน 2021
MICROSOFT (MSFT)
หลังจากหลายปีที่ยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างปี 2007 - 2013 ปัจจุบัน Microsoft กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 2 ของโลกในแง่ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
Bill Gates และ Paul Allen ก่อตั้ง Microsoft ในปี 1975 และธุรกิจหลักคือการพัฒนาระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ ปัจจุบัน Microsoft มีส่วนร่วมในด้านเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์และวิดีโอเกม นอกจากนี้ยังมีอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Skype และ Linkedin การกระจายตัวของธุรกิจนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้ Microsoft สามารถต้านทานพายุได้มากขึ้น
มูลค่าของ Microsoft ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายน 2019 และ ณ วันที่ 24 มีนาคม 2023 มีมูลค่าตลาดของ Microsoft อยู่ที่ 2.07 ล้านล้านดอลลาร์ |
ที่มา: companiesmarketcap.com
มาดูประสิทธิภาพหุ้นของ Microsoft ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
จากกราฟด้านบนจะเห็นได้ว่า ประสิทธิภาพของหุ้น Microsoft เป็นไปในเชิงบวกอย่างมากตั้งแต่ปี 2014 โดยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างเด่นชัดมากขึ้นในช่วงต้นปี 2019 เป็นการค้าที่มีกำไรอย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับเทรดเดอร์ระยะยาวที่ลงทุนใน Microsoft ตั้งแต่ในปี 2014
นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดว่า Microsoft สามารถรับมือกับโรคระบาดได้ดีเพียงใด เนื่องจากได้เข้าร่วมคลื่นของการลดลงในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2020 แต่ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 345 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2021
Saudi Aramco (ARAMCO)
ราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียเป็นเจ้าของ Aramco ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยักษ์ใหญ่รายนี้จัดการน้ำมันดิบ 1 ใน 9 บาร์เรลที่ผลิตในโลกและสร้างรายได้มากกว่า 300 พันล้านดอลลาร์
บริษัทเริ่มต้นในปี 1930 ด้วยการให้สัมปทานการสำรวจนดินแดนของซาอุดีอาระเบีย จากนั้นในช่วงปี 1940 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Aramco และมีบริษัทในสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของ
ต่อมาในช่วงปี 1980 รัฐบาลซาอุดีอาระเบียซื้อบริษัทน้ำมัน 25% และค่อยๆ เพิ่มเปอร์เซ็นต์นี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนกระทั่งบริษัทเป็นเจ้าของ 100%
ต่อมาในปี 2016 บริษัทน้ำมันแห่งนี้ได้ประกาศแผนที่จะนำหุ้น 5% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีถัดไปเพื่อระดมทุนประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการทำ IPO ก็เลื่อนออกไปหลายปี ในที่สุด Aramco ก็เปิดตัวในตลาดหลักทรัพย์ริยาด (Riyadh Stock Exchange) ในเดือนธันวาคม 2019 ที่ราคา 32 SAR หรือประมาณ 8 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ต่อมาราคาหุ้น Aramco ก็เพิ่มขึ้น 10% เป็น 35 เรียล และหลังการทำ Crossing ครั้งแรก ราคาก็เพิ่มขึ้นเป็น 38 เรียลในวันต่อมา แต่ผลกระทบครั้งแรกของวิกฤตโควิดในต้นเดือนมีนาคม 2020 ทำให้เกิดความผันผวนในราคาหุ้น Aramco ซึ่งรุนแรงขึ้นจากการล่มสลายของราคาน้ำมันที่ครบกำหนดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมัน (Futures) แตะระดับต่ำสุดที่ 27 เรียล ในวันที่ 16 มีนาคม 2020 และค่อยๆ ฟื้นตัวตั้งแต่นั้นมา
หุ้น Aramco ณ วันที่ 24 มีนาคม 2023 มีมูลค่าตลาด 1.88 ล้านล้านดอลลาร์ (หริอประมาณ 6.82 ล้านล้าน SAR (ริยัลซาอุดีอาระเบีย) |
ที่มา: companiesmarketcap.com
ทั้งนี้ หุ้นของ Saudi Aramco ยังไม่มีใน Admirals เนื่องจากเรายังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตะวันตก
ALPHABET (GOOGLE) (GOOG)
นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2015 Google หรือที่รู้จักกันในชื่อ Alphabet เป็นหนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Wall Street เริ่มต้นจากการเป็นเสิร์ชเอ็นจิ้นและเติบโตเป็นอาณาจักรเว็บระดับโลกอันเป็นผลมาจากการกระจายธุรกิจที่สำคัญ
แนวโน้มขาขึ้นของหุ้น Google เริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม 2012 โดยทะลุเหนือแนวต้านที่ 650 ดอลลาร์ และแตะระดับสูงสุดที่ประมาณ 1,228 ดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 เพียงไม่กี่วันก่อนที่ Google ทำการแตกหุ้น
ซึ่งการแตกหุ้นนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น Google ซึ่งคาดว่าจะทะลุ 3,000 ดอลลาร์ในเดือนตุลาคม 2021
โดยสามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น Google ได้จากกราฟรายสัปดาห์ด้านล่าง
กราฟราคาของ Alphabet ยังแสดงแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวตั้งแต่ปี 2015 และตกต่ำลงอย่างมากในปี 2018 เนื่องจากยอดขายที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ราคาก็สามารถกลับไปสู่แนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด และทำให้เกิดการลดลงโดยทั่วไปในเดือนมีนาคม 2020
การปรับฐานเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และราคาจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดอย่างรวดเร็ว โดยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 ถึงเดือนเมษายน 2022 ราคาหุ้น Alphabet ผันผวนระหว่าง 3,760 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลก่อนหน้านี้ และที่ 3,013 ดอลลาร์สหรัฐ
เนื่องจากราคาหุ้นสูง Alphabet จึงทำการแตกหุ้นอีกที่ 20 ต่อ 1 ในเดือนมิถุนายน 2022
ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงถึง 20 เท่า โดยราคา ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2022 หุ้น Google มีการซื้อขายที่ประมาณ 88 ดอลลาร์ หลังจากลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2021
หากคุณต้องการฝึกฝนกลยุทธ์การลงทุนกับหุ้นต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินทุนจริง สามารถทำได้บัญชีทดลองเทรด ที่สามารถเทรดหรือทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงพร้อมทดลองใช้บริการต่างๆ จาก Admirals ที่คุณเปิดบัญชีทดลองเทรดได้ฟรีและซื้อขายหุ้นโดยตรงหรือทดลองเทรดผ่าน CFD หุ้นได้ตามต้องการ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเปิดหรือบัญชีทดลองเทรด ฟรี!
AMAZON (AMZN)
เรื่องราวของ Amazon ย้อนหลังไปถึงปี 1994 เมื่อ Jeff Bezos ก่อตั้งบริษัทโดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลก ในแง่ของการค้าออนไลน์ก็กล่าวได้ว่า Amazonสามารถเข้าใกล้เป็นเป้าหมายแล้ว
นอกจากนี้ บริษัทของ Jeff Bezos ยังเดินตามรอยเท้าของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Microsoft โดยกระจายธุรกิจด้วยแบรนด์ของตัวเอง เช่น Amazon Music, Amazon Web Services, e-books (Kindle), ลำโพงอัจฉริยะ (Echo) และอื่นๆ นอกจากนี้ยังเข้าร่วมตลาดสตรีมมิ่งด้วย Amazon Prime อีกด้วย
จากกราฟด้านบน จะเห็นได้ว่า Amazon มีแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวย้อนหลังไปถึงปี 2015 แม้จะตกต่ำลงอย่างมากในปี 2018 จากยอดขายต่ำกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม Amazon ก็สามารถกลับไปสู่แนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิดที่ทำให้เกิดการลดลงโดยทั่วไปในเดือนมีนาคม 2020
ทั้งนี้ ก็เป็นเพียงการปรับฐานในช่วงเวลาสั้นๆ และราคาก็สามารถกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดอย่างรวดเร็ว ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2020 ถึงเดือนเมษายน 2022 ราคาหุ้น Amazon ผันผวนระหว่าง 3,760 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลก่อนหน้านี้ และ 3,013 ดอลลาร์สหรัฐ
และเนื่องจากมีราคาที่สูง Amazon จึงทำการแตกหุ้น 20 ต่อ 1 ในเดือนมิถุนายน 2022
จึงทำให้ราคาหุ้นลดลงถึง 20 เท่า ทำให้ราคาหุ้น Amazon ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2022 มีราคาการซื้อขายที่ประมาณ 88 เหรียญสหรัฐ หลังจากการลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2021
BERKSHIRE HATHAWAY (BRKB)
Berkshire Hathaway ของนักลงทุนชื่อดังอย่าง Warren Buffett เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกอันดับ 6 ของโลกในปัจจุบัน นับเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในตราสารทุน และถือหุ้นในบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกหลาย ไม่ว่าจะเป็น Apple, Bank of America, Coca-Cola, Wells Fargo และ American Express เป็นต้น
Warren Buffett ใช้ชื่อ Oracle of Omaha เป็นผู้ดูแล Berkshire Hathaway มากว่า 50 ปี และแน่นอนว่าบริษัทก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
ที่มา: companiesmarketcap.com
มาดูกราฟในระยะยาวของ Berkshire Hathaway กันต่อจากนี้
จากกราฟด้านบนแสดงให้เห็นว่า Berkshire Hathaway อยู่ในช่วงขาขึ้นมากว่า 10 ปี แม้ราคาจะลดลงในเดือนมีนาคม 2020 เนื่องจากตลาดพังทลายจากการระบาดของโควิด แต่ในนานหลังจากนั้น Berkshire Hathaway ก็จะดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น
ตั้งแต่ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2020 จนถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม 2022 ราคาของ Berkshire Hathaway แข็งค่าขึ้น 93% จากระดับ 160 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 358 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่เคยมีมา
แต่ต่อมาในช่วงเดือนมีนาคม 2022 - 28 ธันวาคม 2022 ราคาหุ้น Berkshire Hathaway ก็ตกลงเหลือประมาณ 305 ดอลลาร์สหรัฐฯ
UNITEDHEALTH (UNH)
UnitedHealth Group บริษัทด้านการดูแลสุขภาพที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกในแง่ของรายได้ จึงไม่แปลกใจเลยที่จะเป็นหนึ่งใน 10 บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก
ในช่วงที่ตลาดให้ผวนสูงในปี 2022 UnitedHealth ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้น Defensive ที่มีผลการดำเนินงานค่อนข้างสม่ำเสมอ โดยไม่คำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวม
ที่มา: companiesmarketcap.com
มาดูความแข็งแกร่งของหุ้น UnitedHealth จากกราฟราคาด้านล่างนี้
กล่าวได้ว่า ราคาหุ้น UnitedHealth สูงขึ้นตั้งแต่เริ่มระบาดของโควิด โดยในเดือนมีนาคม 2020 ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นจาก 224 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 550 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่นั้นมา
JOHNSON & JOHNSON (JNJ)
Johnson & Johnson หนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก ที่ถือเป็นหนึ่งในกลุ่ม Defensive เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพ และยังมีสินค้าที่ใช้ในการอุปโภค บริโภคต่างๆ ที่ผู้คนจำเป็นต้องใช้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
Johnson & Johnson ก่อตั้งขึ้นในปี 1886 ซึ่งมีตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับ AAA จากสถาบันจัดอันดับ ซึ่งหมายถึงมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้น้อยมาก
มาดูกันว่า Johnson & Johnson ดำเนินการในตลาดหุ้นอย่างไร
กราฟ Johnson & Johnson แสดงแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ชัดเจนจาก 62 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถึง 178 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลายครั้งในปี 2022 โดยมีราคาจะอยู่ระหว่าง 160 - 178 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างเดือนธันวาคม 2020 ถึงธันวาคม 2022
TESLA (TSLA)
Tesla ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 แต่ความนิยมพุ่งสูงขึ้นหลังจากที่ Elon Musk กลายเป็น CEO ในปี 2008 หลังจากเป็นผู้ถือหุ้นเมื่อ 4 ปีก่อนหน้า รถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ออกสู่สาธารณะในปี 2010 โดยมีราคาหุ้นเปิดตัวที่ 17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น
และในอีก 1 ทศวรรษต่อมา ราคาหุ้น Tesla ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,300 เหรียญสหรัฐฯ บริษัทจึงตัดสินใจที่แตกหุ้นในเดือนสิงหาคม 2020 โดยแบ่งหุ้นออกเป็น 5 ส่วน ทำให้หุ้น Tesla มีราคาซื้อขายเริ่มต้นที่ 440 เหรียญสหรัฐฯ และ Tesla ก็แตกหุ้นอีกครั้งใน ในอัตราส่วน 3:1 ในเดือนสิงหาคม 2022
จากกราฟจะเห็นได้เห็นว่าหุ้น Tesla ซื้อขายกันที่ 55 ดอลลาร์ ก่อนเกิดโรคระบาด แต่หลังจากนั้นก็ร่วงลงเหลือ 23 ดอลลาร์ในเดือนมีนาคม 2020 และเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยจะอยู่เหนือ 400 ดอลลาร์ในเดือนตุลาคม 2021 แต่ต่อมาราคาก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเพียง 110 ดอลลาร์ ซึ่ง้เป็นราคาที่ซื้อขาย ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2022
ที่มา - companiesmarketcap.com
VISA (V)
หลังจาก Bank of America เปิดตัวบัตรเครดิต BankAmericard ในปี 1958 Visa ก็ถือกำเนิดขึ้น กล่าวได้ว่าในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 1990 เป็นปีที่สำคัญในการขยายแบรนด์ Visa ไปต่างประเทศ ซึ่งได้รับประโยชน์จากการติดตั้งตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ที่พลุกพล่านที่สุดของสหรัฐฯ
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในเดือนมีนาคม 2008 ที่ราคา 43.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น
มาดูกันว่า Visa ดำเนินการในตลาดหุ้นอย่างไร
กราฟราคาของ VISA มีแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึง 252 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคม 2021 จากนั้นราคาก็ถอยกลับและเข้าสู่ sideway ระหว่าง 195 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 215.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกอย่างไร ?
หากเป็นสถานการณ์ตลาดหมี ก็สามารถเลือกซื้อหุ้นผ่าน CFD หรือสัญญาซื้อขายส่วนต่าง ซึ่งสามารถซื้อขายระยะสั้นและใช้เลเวอเรจได้
ซึ่ง CFD สามารถทวีคูณผลกำไร แต่ก็อาจนำมาซึ่งการขาดทุนด้วย ดังนั้น จึงควรบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
ซึ่งคุณสามารถเข้าถึงหุ้นนับพัน รวมทั้งกองทุน ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของโลกกว่า 15 แห่ง รวมทั้ง CFD ได้ด้วยบัญชี Invest.MT5 ของ Admirals
และหากคุณยังไม่มั่นใจในการลงทุน ก็สามารถเรียนรู้ไปกับเทรดเดอร์มือโปรจากทั่วโลกไปกับสัมนาการเทรดออนไลน์ของเรา ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบรายงานสัมนาที่น่าสนใจสำหรับทั้งเทรดเดอร์และนักลงทุน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครเข้าร่วมสัมนา สามารถคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างได้เลย!
รู้จักกับ Admirals
Admirals โบรกเกอร์ที่ได้รับรางวัลมากมาย รวมทั้งได้รับใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหลากหลายองค์กรทั่วโลก เช่น FCA, CySEC, และ ASIC เป็นต้น โดย Admirals ให้บริการซื้อขายตราสารทางการเงินมากกว่า 8,000 รายการ ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก อย่าง MT4 และ MT5 เพื่อให้คุณลงทุนใน Forex และ CFD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจการลงทุน สามารถเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันนี้!
ข้อมูลเกี่ยวกับบทความ/สื่อที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์:
บทความหรือสื่อที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทั้งหมด ทั้งการประมาณการ การคาดการณ์ การทบทวนตลาด มุมมองรายสัปดาห์ หรือการประเมินหรือข้อมูลอื่นที่คล้ายคลึงกัน (ต่อไปนี้เรียกว่า "การวิเคราะห์") ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัทการลงทุนของ Admirals ที่ดำเนินการภายใต้เครื่องหมายการค้า Admirals (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "Admirals") โปรดทำความเข้าใจในข้อมูลเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน
- บทความนี้คือการสื่อสารการตลาด โดยมีเนื้อหาในการเผยแพร่เพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น
จึงไม่สามารถตีความว่าเป็นคำแนะนำหรือคำแนะนำในการลงทุนได้ อีกทั้งบทความนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นตาม
ข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ในการดำเนินการก่อนการเผยแพร่งานวิจัยด้านการลงทุน - ลูกค้าแต่ละรายทำการตัดสินใจลงทุนทั้งหมดด้วยตนเอง โดย Admirals จะไม่รับผิดชอบต่อ
ความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าจะอิงจากเนื้อหาหรือไม่ก็ตาม - Admirals ได้กำหนดขั้นตอนภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและการจัดการความขัดแย้ง
ทางผลประโยชน์ ด้วยมุมมองที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าและการวิเคราะห์ข้อมูล - บทความวิเคราะห์นี้ จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ Carolina Caro Mora ผู้ร่วมให้ข้อมูลอิสระ (ต่อไปนี้เรียกว่า
"ผู้เขียน") ตามการประเมินส่วนบุคคล - เราพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดเชื่อถือได้และข้อมูลทั้งหมดที่ถูกนำเสนอนี้เข้าใจง่าย ทันเวลา แม่นยำ และครบถ้วนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้ Admirals จะไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ข้อมูลที่มีอยู่ในการวิเคราะห์
- ไม่ควรตีความว่าผลการดำเนินงานของเครื่องมือทางการเงินในอดีตหรือแบบจำลองใดๆ ที่ระบุในเนื้อหาว่า
เป็นคำแนะนำโดยชัดแจ้ง โดยปริยาย หรือโดยนัย จาก Admirals สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต มูลค่าของเครื่องมือทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลง และไม่รับประกันการรักษามูลค่าของสินทรัพย์ - ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับส่วนต่าง; CFD) เป็นการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนหรือกำไร โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุน