3 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปี 2024

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า 2022 ไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางการดำเนินงานที่สะสมมาหลายปี ทำให้เทคโนโลยีอยู่ในสภาพที่เหมาะสมต่อการเติบโต และจากการรวมกันของอัตราเงินเฟ้อที่สูง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น และสร้างความหายนะไม่น้อยโดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยี
หลังจากปีที่ยากลำบาก เราก็พบว่ามีหุ้นเทคโนโลยี พื้นฐานดี ที่จะฟื้นตัวในปี 2024 ซึ่งมีหุ้นที่น่าจับตามอง ซึ่งเราจะพูดคุยกันต่อจากนี้
ส่องหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่คุณห้ามพลาด!
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วง?
ความปั่นป่วนในตลาดหุ้นโดยทั่วไปส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในปี 2022 ที่หุ้นเทคโนโลยีได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นเพราะสาเหตุหลายอย่าง
เนื่องจากหุ้น tech มักถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากกว่า เมื่อเทียบกับบริษัทที่ดำเนินกิจการในอุตสาหกรรมแบบ defensive และเมื่อแนวโน้มเศรษฐกิจไม่แน่นอน นักลงทุนก็มักจะเปลี่ยนจากหุ้นที่มีความเสี่ยงมากกว่าไปลงทุนในหุ้นแนวรับแทน
นอกจากนี้ เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่สูง ในปี 2022 ธนาคารกลางทั่วโลกจึงเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดภาวะถดถอยครั้งใหญ่ในปี 2008
หุ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีและหุ้นเติบโตอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะซื้อขายด้วยมูลค่าที่สูง เมื่อเทียบกับรายได้ในปัจจุบัน เนื่องจากความจริงที่ว่าตลาดคาดการณ์การเติบโตอย่างรวดเร็วและรายได้ที่สูงขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเงินดอลลาร์ในวันนี้มีค่ามากกว่าหนึ่งดอลลาร์ในวันพรุ่งนี้ รายได้ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคตจึงจะถูกคิดลดกลับไปเป็นปัจจุบัน เพื่อกำหนดมูลค่าปัจจุบันของหุ้น
อัตราดอกเบี้ยมีบทบาทสำคัญในการลดรายได้ในอนาคต โดยพื้นฐานแล้ว เมื่ออัตราเพิ่มขึ้น รายได้ในอนาคตก็จะมีค่าน้อยลงในสกุลเงินปัจจุบัน และราคาหุ้นก็จะปรับตามนั้น รวมทั้งมีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบอย่างมากต่อหุ้น tech จากความคาดหวังต่อรายได้ในอนาคตที่มากขึ้น
3 หุ้นเทคจะฟื้นตัวในปี 2024 หรือไม่?
นี่เป็นคำถามที่หลายๆ คนจับตามอง แต่สิ่งสำคัญคือแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อดูเหมือนจะชะลอตัวลงในหลายส่วนของโลก แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมากกว่าในอดีต
ธนาคารกลางจะไม่พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ประมาณ 2% และแน่นแนว่าจะไม่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน เนื่องจาก Fed เคยกล่าวไว้ว่าจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2024
ดังนั้น จึงมีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงขึ้นตลอดปี 2024 อย่างไรก็ตาม ตามที่คาดการณ์ไว้ อัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยในการประเมินมูลค่าของตลาดหุ้นในปัจจุบันอยู่แล้ว นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นก็จะเริ่มควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ทำให้มีแนวโน้มต่อความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมีแนวโน้มที่มากขึ้น
และแม้ว่าตลาดหุ้นอาจฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ในปี 2024 แต่ก็จะฟื้นตัวในระยะยาวเสมอ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นที่มักจะมีโอกาสในการซื้อเสมอ ทำให้อาจเป็นผลดีกับการลงทุนระยะยาว
ศึกษาด้วยตนเองไปพร้อมกับ Webinar ของ Admirals
หากคุณต้องการศึกษาการเทรดและการลงทุนเพิ่มเติม ที่ Admirals คุณสามารถเข้าร่วมสัมนาการเทรดออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ที่นำเสนอเรื่องราวการเทรดที่น่าสนใจ หลากหลาย และอัปเดตอยู่เสมอ ที่ๆ คุณสามารถเรียนรู้ไปพร้อมกับนักลงทุนชั้นนำจากทั่วโลกได้แบบฟรีๆ หรือร่วมค้นหาหุ้น tech มีอะไรบ้าง สามารถคลิกแบนเนอร์ด้านล่าง เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ดูกำหนดการสัมนา และลงชื่อเข้าร่วมสัมนาได้เลย!
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปี 2024
เราจะมาดูแนวโน้มของหุ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยี 3 ตัวที่น่าสนใจในปี 2024 ไปพร้อมกันต่อจากนี้
Warren Buffett เคยกล่าวถึง Apple ว่า “Apple น่าจะเป็นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลกที่ผมรู้จัก ” และก็ยากที่จะโต้แย้งเรื่องนี้ เนื่องจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้มีสัดส่วนมากกว่า 40% ของพอร์ตการลงทุนของ Berkshire Hathaway ของ Buffett
รูปแบบธุรกิจของ Apple นั้นเรียบง่าย ด้วยการสร้างรายได้ผ่านการผลิตภัณฑ์และการขายสินค้าและบริการที่หลากหลาย อย่างไรก็ ตามสิ่งที่ทำให้ Apple ได้เปรียบในการแข่งขัน คือ ความภักดีต่อแบรนด์จากผู้บริโภคที่สูงเป็นพิเศษ จนดูเหมือนว่าจะไม่สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้อย่างเพียงพอ
เพราะเหล่าลูกค้าต่างตั้งตารอการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จาก Apple อย่างใจจดใจจ่อ แน่นอนว่าลูกค้าส่วนใหญ่ต่างก็ซื้อแกดเจ็ตใหม่ๆ ได้อย่างไม่ลังเล
ซึ่งความความภักดีต่อแบรนด์นี้ทำให้ Apple เป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก โดยในปีสิ้นสุดวันที่ 24 กันยายน 2022 ที่ผ่านมา Apple สร้างรายได้สุทธิถึง 99,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของประเทศเล็กๆ หลายแห่ง
แม้จะมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แต่ Apple ก็หนีไม่พ้นภาวะตกต่ำของตลาดในปี 2022 ซึ่งราคาหุ้นก็ตกลงถึง 18% ภายในวันที่ 13 ธันวาคม
ทั้งนี้ ผู้ผลิต iPhone ก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของอุตสาหกรรมที่จะเข้าสู่ปี 2024 แต่ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ควรจะสามารถพึ่งพาความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการในระดับที่ค่อนข้างคงที่ต่อไปได้
อีกหนึ่งปัญหาที่ได้รับการพูดถึงคือการที่ Apple พึ่งพาการผลิตในจีนมากเกินไป จึงนำไปสู่ปัญหาอุปทานของ iPhone ในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งเกิดจากมาตรการโควิดที่เข้มงวดและความไม่สงบในสังคม อย่างไรก็ตาม Apple ก็กำลังดำเนินการเพื่อกระจายห่วงโซ่อุปทานและได้เริ่มย้ายการผลิตบางส่วนไปยังอินเดียแล้ว
Meta Platforms
Meta Platforms ชื่อใหม่ของ Facebook ที่เพิ่งเปลี่ยนในปี 2022 นั้นค่อนข้างประสบปัญหา ด้วยราคาหุ้นที่ดิ่งลง 64% ในช่วงก่อนวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา
นอกเหนือจากการจมอยู่กับปัญหาในตลาดหุ้นในวงกว้างแล้ว ยังมีอีก 2-3 ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อ Meta Platforms นั้นคือ
- Facebook สูญเสียผู้ใช้งานรายวันเป็นครั้งแรก ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกและสูญเสียความเชื่อมั่น
- Meta สูบฉีดเงินเข้าไปใน Metaverse มากเกินไปในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 โดย Reality Labs ซึ่งเป็นแผนก metaverse ของบริษัท ขาดทุนไปมากถึง 9.4 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับ 10 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า การใช้จ่ายในระดับสูงนี้แทบไม่มีให้เห็นนักท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจนี้ ทำให้นักลงทุนมองในแง่ลบอย่างมากนอกจากนี้ ตลอดทั้งปียังเห็นได้ชัดว่า
เมื่อพิจารณาถึงจำนวนเงินที่จมลงใน metaverse หลายคนคาดการณ์ว่าความสำเร็จในอนาคตของ Meta Platform จะเชื่อมโยงกับ metaverse แม้ว่าคำพูดนั้นอาจมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 Meta Platforms รายงานว่าในตระกูลแอปพลิเคชันยอดนิยม มีผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ 3.71 พันล้านรายต่อเดือน และ 2.93 พันล้านรายต่อวัน และในผลลัพธ์ล่าสุดของ Twitter ก่อนเปลี่ยนเป็นแบบส่วนตัว มีผู้ใช้กว่า 237.8 ล้านคนต่อวัน
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งจะลดทอนมาตราส่วนดังกล่าวในปี 2022 ซึ่งทำให้แหล่งที่มาของรายได้ที่ต้องการเน้นย้ำอีกครั้งก็คือว่ายังคงไม่แน่นอนสำหรับความต้องการเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ขนาดที่แท้จริงของ Meta ทำให้เป็นพื้นที่โฆษณาที่ไม่เหมือนใครท่ามกลางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งหมายความว่ามีแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น รายได้จากโฆษณาก็น่าจะกลับมา ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับหุ้น Meta ดีขึ้น
MercadoLibre
แม้ว่าคุณจะคุ้นเคยกับหุ้น tech 2 ตัวแรก แต่สำหรับหุ้นเทคตัวที่ 3 นี้ อาจเป็นชื่อที่ดูเฉพาะในละตินอเมริกา ซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน
MercadoLibre มักถูกขนานนามว่า “Amazon of Latin America” แต่เป็นหุ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยี ที่มีขนาดเล็กกว่ามาก แต่ก็มีอยู่ใน 18 ประเทศและครองตลาดอีคอมเมิร์ซใน 3 ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ได้แก่ เม็กซิโก บราซิล และอาร์เจนตินา
ทั้งนี้ ละตินอเมริกามีประชากรประมาณ 660 ล้านคน ทำให้เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลก นอกจากนี้ การรุกของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคยังค่อนข้างต่ำ โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนเพียง 7% ของยอดค้าปลีกทั้งหมดในปี 2024 ดังนั้น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ MercadoLibre จึงยังมีช่องทางให้เติบโตได้อีกมาก
เช่นเดียวกับ Amazon ที่ MercadoLibre ซึ่งเป็นมากกว่าแค่หุ้นอีคอมเมิร์ซ โดย MercadoPago ซึ่งเป็นหน่วยงานดำเนินการด้านการชำระเงินกำลังเติบโตในภูมิภาคที่หลายแห่งยังคงไม่มีบริการธนาคารและพึ่งพาบริการดังกล่าวในการชำระเงินที่จำเป็น
นอกจากนี้ การทำธุรกรรม QR code ที่มีต้นทุนต่ำ ช่วยให้ทุกคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารสามารถชำระเงินแบบดิจิทัลโดยใช้สมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ทำการค้าขายที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานของบัตรสามารถรับการชำระเงินที่ไม่ใช่เงินสดได้ จึงเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับภูมิภาคที่ประเมินว่าประชากรมากกว่าครึ่งทำงานในเศรษฐกิจนอกระบบ
นอกจาก เงื่อนไขการชำระเงินแล้ว บริษัทยังให้บริการซอฟต์แวร์ Mercado Envios และธุรกิจสินเชื่อใหม่อย่าง Mercado Credito อีกด้วย
อัตราเงินเฟ้อที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ผลักดันให้หุ้น MercadoLibre ต่ำลงในปี 2022 โดยราคาหุ้นลดลง 35% ภายในวันที่ 13 ธันวาคม 2022 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาหุ้นจะร่วงลง หุ้นเทคโนโลยีนี้ก็ยังคงสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ และเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจจะตกต่ำก็ตาม
โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 MercadoLibre รายงานว่าผู้ใช้งาน 127 ล้านคน ปริมาณสินค้ารวม 24.8 พันล้านดอลลาร์ และปริมาณการชำระเงินรวม 87.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 6%, 22% และ 65% เมื่อเทียบเป็นรายปีตามลำดับ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน กำไรขั้นต้นก็เพิ่มขึ้น 72% เป็น 3.7 พันล้านดอลลาร์
แม้จะมีการเติบโตที่น่าประทับใจ แต่ MercadoLibre ก็เผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงในปี 2024 ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีผลต่อรายได้หลังหักภาษีและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแล้ว (Discretionary Income) และส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดภายในประเทศของ MercadoLibre ซึ่งก็คืออาร์เจนตินา ซึ่งอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึง 92% ในช่วง 12 เดือนก่อนถึงเดือนพฤศจิกายน 2022
ลงทุนหุ้นเทค เริ่มต้นอย่างไร ?
คุณสามารถลงทุนในหุ้น กลุ่ม tech ซึ่งรวมถึงหุ้น 3 ตัวที่กล่าวถึงข้างต้น ด้วยบัญชี Invest.MT5 จาก Admirals เพียงทำตามขั้นตอนเหล่านี้ก็สามารถลงทุนในหุ้น เกี่ยว กับ เทคโนโลยีกับ Admirals ได้ทันที!
- เปิดบัญชี Invest.MT5 และเข้าสู่ระบบ Dashboard
- คลิก "Invest" ที่อยู่ถัดจากรายละเอียดบัญชี เพื่อเปิดใช้งาน MetaTrader Web Terminal
- ค้นหาสัญลักษณ์ของหุ้นที่ต้องการซื้อใน Market Watch แล้วลากไปยังหน้าต่างกราฟเพื่อเปิดกราฟราคา
- คลิกขวาที่กราฟ เลือก "Trading" แล้วคลิก "New Order" เพื่อเปิดหน้าต่างคำสั่ง ซึ่งจากหน้านี้คุณจะสามารถป้อนจำนวนหุ้นที่ต้องการซื้อ จากนั้นคลิก "Buy" เพื่อส่งคำสั่งซื้อไปยังตลาด
ลงทุนในหุ้นกับ Admirals
คุณสามารถซื้อหุ้นในบริษัทกว่า 4,500 แห่งจากทั่วโลก รวมทั้งกองทุน ETF มากกว่า 200 กองทุน ด้วยบัญชี Invest.MT5 จาก Admirals โดยสามารถคลิกแบนเนอร์ด้านล่างเพื่อเปิดบัญชีหรือตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทันที!
บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
- วิธีการค้นหาสัญญาณ Forex ที่ดีที่สุด
- หุ้น Cyber Security คืออะไรบ้าง: ลงทุนตัวไหนดี?
- FAANG คืออะไร : คู่มือการลงทุนในหุ้น FANNG ฉบับสมบูรณ์
ข้อมูลเกี่ยวกับบทความ/สื่อที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์:
บทความหรือสื่อที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทั้งหมด ทั้งการประมาณการ การคาดการณ์ การทบทวนตลาด มุมมองรายสัปดาห์ หรือการประเมินหรือข้อมูลอื่นที่คล้ายคลึงกัน (ต่อไปนี้เรียกว่า "การวิเคราะห์") ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัทการลงทุนของ Admirals ที่ดำเนินการภายใต้เครื่องหมายการค้า Admirals (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "Admirals") โปรดทำความเข้าใจในข้อมูลเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน
- บทความนี้คือการสื่อสารการตลาด โดยมีเนื้อหาในการเผยแพร่เพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น
จึงไม่สามารถตีความว่าเป็นคำแนะนำหรือคำแนะนำในการลงทุนได้ อีกทั้งบทความนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นตาม
ข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ในการดำเนินการก่อนการเผยแพร่งานวิจัยด้านการลงทุน - ลูกค้าแต่ละรายทำการตัดสินใจลงทุนทั้งหมดด้วยตนเอง โดย Admirals จะไม่รับผิดชอบต่อ
ความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าจะอิงจากเนื้อหาหรือไม่ก็ตาม - Admirals ได้กำหนดขั้นตอนภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ด้วยมุมมองที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าและการวิเคราะห์ข้อมูล
- บทความวิเคราะห์นี้ จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ Roberto Rivero ผู้ร่วมให้ข้อมูลอิสระ (ต่อไปนี้เรียกว่า
"ผู้เขียน") ตามการประเมินส่วนบุคคล - เราพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดเชื่อถือได้และข้อมูลทั้งหมดที่ถูกนำเสนอนี้เข้าใจง่าย ทันเวลา แม่นยำ และครบถ้วนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้ Admirals จะไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ข้อมูลที่มีอยู่ในการวิเคราะห์
- ไม่ควรตีความว่าผลการดำเนินงานของเครื่องมือทางการเงินในอดีตหรือแบบจำลองใดๆ ที่ระบุในเนื้อหาว่า
เป็นคำแนะนำโดยชัดแจ้ง โดยปริยาย หรือโดยนัย จาก Admirals สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต มูลค่าของเครื่องมือทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลง และไม่รับประกันการรักษามูลค่าของสินทรัพย์ - ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับส่วนต่าง; CFD) เป็นการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนหรือกำไร โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุน