หุ้นบลูชิพ คืออะไร : คู่มือการลงทุนหุ้นบลูชิพต่างประเทศฉบับสมบูรณ์

คุณรู้หรือไม่ว่า หุ้นของบริษัทประเภทที่เรียกว่า "บลูชิพ" (Blue-Chip) จะส่งผลต่อการพอร์ตการลงทุนของคุณได้อย่างไร คู่มือฉบับนี้จะนำเสนอภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นบลูชิพที่คุณกำลังมองหาอยู่ โดยจะกล่าวถึงเฉพาะหุ้นบลูชิพที่นักลงทุนสถาบัน เช่น พวกธนาคารใหญ่มองว่า เป็นหุ้นบลูชิพ "เกรดดี" อีกทั้งจะมีสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับปันผลของหุ้นบลูชิพทั้งในยุโรป, อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา
คุณจะได้เรียนรู้
หุ้นบลูชิพ คืออะไร?
หุ้นบลูชิพ หุ้นที่เป็นผู้นำของตลาดหุ้นหนึ่ง ๆ และมักจะเป็นหุ้นที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมหนึ่งด้วย โดยกินส่วนแบ่งการตลาดในสัดส่วนที่มาก เป็นหุ้นที่โดดเด่นในคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น การเป็นหุ้นที่มหาชนรู้จักกันดี ปลอดภัยต่อการลงทุนในระยะยาว และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่สำคัญของโลก
ความจริงแล้ว ไม่มีการระบุอย่างเป็นทางการว่า รายชื่อหุ้นบลูชิพ คือบริษัทอะไรบ้าง เพราะคำว่าหุ้นบลูชิพเป็นเสมือนคำแสลงที่ใช้เรียกบริษัทขนาดใหญ่และได้รับความนิยมเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม หากวัดตามคุณสมบัติที่อธิบายไปนั้น บริษัทที่จะเรียกได้ว่าเป็นบริษัทบลูชิพ ย่อมได้แก่ Apple, Boeing, Caterpillar, Coca-Cola, IBM, Goldman Sachs, Exxon Mobil, Intel, McDonald's, Microsoft, Nike, Visa, Walmart, Walt Disney จะเห็นว่า บริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทในตลาดหุ้นอเมริกา และอยู่ในกลุ่ม Dow Jones 30
หุ้นบลูชิพ จะมี Market Capitalization ที่ใหญ่มากๆ ซึ่ง Market Capitalization มันหมายถึง "มูลค่า" ของทั้งบริษัทว่ามีมูลค่าเท่าใด ซึ่งคิดจากจำนวนหุ้นทั้งหมดคูณด้วยราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน อย่างในกรณีของ Apple ก็เป็นบริษัทบลูชิพ และเป็นบริษัทแรกในโลกที่มี Market Capitalization แตะระดับ 1 Trillion หรือ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2018
ที่มาของคำว่า Bluechip
ในแวดวงการพนันและโป๊กเกอร์ ชิปสีน้ำเงิน หรือ Bluechip แสดงถึงเงินจำนวนมาก ซึ่งเป็นคำที่ใช้กันมานานมากแล้ว สามารถย้อนกลับไปได้อย่างน้อย คือปี 1873 แต่ทั้งนี้ ได้รับความนิยมใช้เรียกหุ้นที่มีราคาแพงหรือคุณภาพสูง เช่น มากกว่า $200 เชื่อกันว่า มาจาก Oliver Gingold พนักงานของ Dow Jones ที่เขียนลงในบทความของเขา
หุ้นบลูชิพ มีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง?
มีเพียงบริษัทไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่จะถูกพิจารณาว่าเป็นบริษัทบลูชิพ หรือ "หุ้นบลูชิพ" ให้คุณลองพิจารณารายละเอียดดังต่อไปนี้
- ต้อง "Well-known" หรือเป็บริษัทที่มหาชนรู้จักกันดี : บริษัทเหล่านี้มักเป็นบริษัทที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของผู้คนในโลก เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน เช่น บริษัทที่มีผลิตภัณฑ์ที่ทุกบ้านต้องมีใช้ น้ำยาล้างจาน ยาสีฟัน ฯลฯ หรืออาจเป็นเครื่องดื่มที่ใครๆ ก็รู้
- ปลอดภัย : ความปลอดภัยในแง่นี้ คือการที่หุ้นของบริษัทเหล่านั้นไม่มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาการล้มละลายในอนาคตข้างหน้า บริษัทเหล่านี้มักเป็นบริษัทที่เติบโตได้ดีเมื่อเศรษฐกิจขยายตัว มีสถานะทางการเงินที่มั่นคง และในระยะยาว สามารถให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนในรูปของเงินปันผลได้สม่ำเสมอ
- ตลาดที่จดทะเบียน : หุ้นเหล่านี้มักจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่สำคัญของโลก เช่น ตลาดหุ้นอเมริกา อังกฤษ หรือภูมิภาคยุโรป เพราะหลากหลักทรัพย์ในประเทศดังกล่าว มีเงื่อนไขในการระดมทุนที่สูงมาก บริษัทต้องมีความน่าเชื่อถือในระดับและมั่นคงมากๆ จึงจะสามารถเข้าไปขอจดทะเบียนเพื่อระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าวได้
แต่การเทรดหุ้นบลูชิพ แม้แต่เทรดเดอร์มืออาชีพเองก็นิยมเข้าไปฝึกฝนในระบบบัญชีเงินจำลอง หรือที่เรียกว่า "Demo Account" อยู่อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งโดยเฉพาะเหรียญใหม่อย่าง Solana เรายิ่งต้องมีการทดสอบระบบเทรดก่อนว่า ระบบเทรดของเราสอดรับกับพฤติกรรมราคาที่ผ่านมาหรือไม่
บัญชี Demo Account จะสร้างความมั่นใจให้กับนักเทรดที่มีประสบการณ์อยู่แล้วและช่วยปิดจุดอ่อนต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ ก็เป็นเครื่องมือสำหรับ "เทรดเดอร์มือใหม่" ในการเรียนรู้ตลาด เพราะว่า!
- สามารถเทรดได้เหมือนตลาดจริงทุกประการ
- สามารถใช้เครื่องมือเทรดและสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมแบบบัญชีจริงทุกประการ
- คำนวณกำไรขาดทุนเหมือนเงินจริงทุกประการ และคำนวณตามราคาตลาดจริงๆ
คุณสามารถฝึดเทรดได้เรื่อยๆ โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ ผ่านแพลตฟอร์ม MetaTrader 5 ที่จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบประสบการณ์การเทรดของคุณเองได้
ทำไมควรลงทุนในหุ้นบลูชิพ
ในแง่ของการจัดพอร์ตการลงทุน หุ้นบลูชิพ จะถูกจัดในกลุ่มการลงทุนที่ปลอดภัย ถ้าเป็นตราสารหนี้ก็จะมีเกรด AAA นั่นเอง โดยเหตุผลที่มันถือว่าปลอดภัยก็เพราะว่า การที่ตัวมันเองนั่นมีชื่อเสียงและกินส่วนแบ่งทางการตลาดที่มหาศาล พูดง่ายๆ ก็คือ มันเป็นบริษัทที่มีอำนาจในการครอบงำตลาด และไม่ว่าเศรษฐกิจจะร้ายดีอย่างไร บริษัทเหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะอยู่ได้สบายๆ ต่างจากบริษัทอื่นๆ ที่เป็นผู้ตามในอุตสาหกรรม
พอร์ตการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นหุ้นคุณภาพสูง นั่นเป็นเหตุผลที่กองทุนต่าง ๆ นิยมเลือกถือครองหุ้น Bluechip ซึ่งเราจะนิยมเห็นได้จากพวกกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือ ETFs
บริษัทบลูชิพ มีขนาดใหญ่คับตลาด ซึ่งจุดนี้จะทำให้มีข้อได้เปรียบเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตผลิตหรือการจัดการต่างๆ ความได้เปรียบในการลงทุนในกิจการขนาดใหญ่ที่ผู้เล่นรายอื่นในตลาดไม่สามารถทำได้ ซึ่งความสามารถในการครอบงำตลาดเหล่านี้ เป็นผลทำให้ ผลกำไรของบริษัทมีการเติบโตที่มั่นคงเป็นอย่างมาก อีกทั้ง ทำให้เกิดการจ่ายปันผลแก่นักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
แม้แต่ในช่วงที่ตลาดเลวร้ายสุดๆ หุ้นบลูชิพก็ยังปลอดภัย! งานวิจัยของบริษัท WYATT ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยการลงทุนชื่อดัง ออกรายงานชุดหนึ่งที่แสดงให้เห็นผลตอบแทนของตลาดหุ้นทั้งตลาดเปรียบเทียบกับหุ้นบลูชิพ โดยได้บริษัทขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมา 3 บริษัทจากสหรัฐฯ ได้แก่ AT&T, General Electric (GE) และ E.I. DuPont (DP) ซึ่งข้อมูลระบุว่า บริษัททั้ง 3 ทำผลงานได้ "ชนะตลาด" โดยในปี 1929 และ 1987 เป็นช่วงที่ตลาดตกต่ำสุดขีด แต่บริษัทดังกล่าวก็ไม่ได้ติดลบเทียบเท่ากับภาพรวมของทั้งตลาด
ดังที่คุณเห็นจากตารางด้านบน ข้อดีหลักของหุ้นบลูชิพ คือ "ความปลอดภัย" ในการลงทุนในระยะยาวนั่นเอง โดยหุ้นทั้ง 3 บริษัทข้างต้นนั้น ได้ใช้เวลาเพียง 2 ปีกว่าๆ เท่านั้น ในการฟื้นคืนสภาพกลับมาสู่จุดเริ่มต้นที่เกิดเหตุการณ์ Stock Market Crash ในปี 1987
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทบลูชิพ อาจรอดพ้นจากความท้าทายและวงจรตลาดหลายครั้ง ซึ่งทำให้ถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย แต่ก็อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ยังเคยมีกรณีของปรับตัวรุนแรงของ Dot-Com Bubble, การเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในปี 2008 รวมถึงเลห์แมน บราเธอร์ส เป็นต้น กิจการเหล่านี้ก็เคยเป็นระดับ "Bluechip" เช่นเดียวกัน
หุ้นบลูชิปมีความยืดหยุ่นสูง แต่ไม่รวมบาง บริษัท จากการออกของ Dow Jones Industrial Average (DJIA) หรือ บริษัท จดทะเบียนใหม่ นอกจากนี้ยังไม่มีเกณฑ์ที่เป็นทางการสำหรับตัวเลือกนี้ แนวทางเดียวที่จัดทำโดยคณะกรรมการ DJIA คือการเพิ่มหุ้นเมื่อ บริษัท มี "ชื่อที่ดีการเติบโตอย่างยั่งยืนและความสนใจสำหรับนักลงทุนรายใหญ่"
เหล่านี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่เป็นที่รู้จักและรู้จักกันดีที่สุดที่เกิดขึ้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
- เมื่อ Walgreens Boots Alliance เข้ามาแทนที่ General Electric ในปี 2018
- เมื่อ Apple แทนที่ AT&T ในปี 2015
- เมื่อ Goldman Sachs, Nike และ Visa เข้ามาแทนที่ Alcoa, Bank of America และ Hewlett-Packard ในปี 2013
หุ้นบลูชิพของภูมิภาคยุโรป
ดัชนี Dow Jones Euro Stocks 50 นั้นเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมของ Dow Jones ในยุโรป รายการนี้อาจอ้างอิงถึงหุ้นบลูชิปยุโรปที่นิยมมากที่สุด โดยทั่วไปแล้วรหัสนี้ครอบคลุมยุโรปยูโรโซนและยุโรปตะวันออก หากคุณต้องการซื้อขายหุ้นบลูชิปทำไมไม่ลองแชร์ CFD กับตลาด Admiral? คุณสามารถแลกเปลี่ยน CFD ในหุ้นชิปสีน้ำเงินที่มีชื่อเสียงระดับโลกและได้รับประโยชน์จากการไปในทิศทางใด ๆ ช็อปกับ บริษัท ทั่วโลกรวมถึง Apple, BT, Citigroup, Google, Facebook และอีกมากมาย!
นี่คือบริษัท ชั้นนำใน Dow Jones Euro Stocks 50 อาเรย์จะถูกกำหนดโดยน้ำหนักของดัชนี: โดยได้แสดงรายละเอียดดังต่อไปนี้ คือ ชื่อของบริษัท / ประเทศ / %สัดส่วนที่ใช้คำนวณ
- Total (TOTAL SA) from France / 5.22%
- SAP (SAP) / Germany / 5.16%
- Linde (LIN) / Germany / 3.98%
- LVMH (MOH) / France / 3.96%
- Allianz (ALV) / Germany / 3.63%
- Sanofi-Aventis / France / 3.53%
- Siemens (SIE) / Germany / 3.42%
- Unilever (UNI2) / Netherlands / 3.17%
ไม่มีใครรู้แน่นอนว่า บริษัท เหล่านี้จะอยู่ในอันดับหุ้น Bluechip ในอีกภายภาคข้างหน้าหรือไม่ว่าพวกเขาจะสามารถเดินทางผ่านพายุทางการเงินและเศรษฐกิจที่รุนแรงโดยไม่มีอันตรายใด ๆ แต่หุ้นบลูชิพในยุโรปเหล่านี้มีความเป็นผู้ใหญ่ยอดนิยมและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ในฐานะนักลงทุนพื้นที่ของพอร์ตการลงทุนเหล่านี้มีมูลค่าการพิจารณา ในฐานะผู้ประกอบการค้าหุ้นเหล่านี้มีปริมาณการซื้อขายต่ำและมีความผันผวนสูงซึ่งเป็นโอกาสในการเปิดโอกาสการซื้อขายที่สูงขึ้น
หุ้นบลูชิพของอังกฤษ
หุ้นบลูชิปของสหราชอาณาจักรจดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 ซึ่งเป็นบทสรุปของตลาดหุ้น Financial Times มี 100 บริษัท และตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรและมี บริษัท เงินทุนมากขึ้น
นี่คือรายการของสิบตัวอย่างทั่วไปของหุ้นบลูชิปในสหราชอาณาจักร
- Royal Dutch Shell (RDSA)
- BP (BP)
- HSBC (HSBC)
- Vodafone Group (VOD)
- GlaxoSmithKline (GSK)
- Rio Tinto Group (RIO)
- Royal Bank Of Scotland Group (RBS)
- Anglo American (AAL)
- British American Tobacco (BATS)
- Genel Energy PLC (GENL)
เริ่มต้นเทรดด้วยบัญชีทดลองฟรี!
การเทรดหุ้นบลูชิพ แม้แต่เทรดเดอร์มืออาชีพเองก็นิยมเข้าไปฝึกฝนในระบบบัญชีเงินจำลอง หรือที่เรียกว่า "Demo Account" อยู่อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งโดยเฉพาะเหรียญใหม่อย่าง Solana เรายิ่งต้องมีการทดสอบระบบเทรดก่อนว่า ระบบเทรดของเราสอดรับกับพฤติกรรมราคาที่ผ่านมาหรือไม่
บัญชี Demo Account จะสร้างความมั่นใจให้กับนักเทรดที่มีประสบการณ์อยู่แล้วและช่วยปิดจุดอ่อนต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ ก็เป็นเครื่องมือสำหรับ "เทรดเดอร์มือใหม่" ในการเรียนรู้ตลาด เพราะว่า!
- สามารถเทรดได้เหมือนตลาดจริงทุกประการ
- สามารถใช้เครื่องมือเทรดและสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมแบบบัญชีจริงทุกประการ
- คำนวณกำไรขาดทุนเหมือนเงินจริงทุกประการ และคำนวณตามราคาตลาดจริงๆ
คุณสามารถฝึดเทรดได้เรื่อยๆ โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ ผ่านแพลตฟอร์ม MetaTrader 5 ที่จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบประสบการณ์การเทรดของคุณเองได้
ตัวอย่าง 3 หุ้นบลูชิพที่น่าสนใจ
ไม่มีคำแนะนำใด ๆ เมื่อคุณกำลังมองหาหุ้นบลูชิพที่ดีที่สุด ในขณะที่รายการเหล่านี้เป็นข้อมูลที่น่าสนใจเราไม่แนะนำให้ทำตามคำแนะนำของรายการห้าหรือสิบอันดับสุ่มสี่สุ่มห้าเมื่อให้จุดเริ่มต้นที่ถูกต้องสำหรับการวิจัยของคุณ แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดคือการทำวิจัยเชิงลึกของคุณเอง นอกจากนี้การวิจัยนี้ขึ้นอยู่กับรายการของเกณฑ์ที่คุณพิจารณาว่าสำคัญสำหรับพอร์ตโฟลิโอหรือแนวทางธุรกิจที่สมดุล ต้องบอกว่ามีหลายวิธีในการค้นหาคำแนะนำเมื่อค้นหาอินเทอร์เน็ต
นี่คือรายการของ 3 บริษัท บลูชิปที่ต้องพิจารณา
- Amazon
- Netflix
- Apple
1. Amazon
ประวัติความเป็นมาของหุ้น Amazon คือเป็นบริษัทที่มีโปรแกรมสมาชิก Amazon Prime มีสมาชิกมากกว่า 150 ล้านคน (ลูกค้าที่มีการซื้อสินค้า) อีคอมเมิร์ซยังคงเป็นรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัท แต่เมื่อไม่นานมานี้ Amazon เริ่มต้นแคมเปญขยายกิจการอย่างทะเยอทะยานในตลาดอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการโฆษณาและการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Jeff Bezos จะกลายเป็นเศรษฐีล้านล้านคนแรกของโลก
2. Netflix
ประวัติความเป็นมา: ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ ณ ตอนนี้ แต่ Netflix เริ่มต้นจากบริการส่ง DVD ทางไปรษณีย์ที่เป็นคู่แข่งกับ Blockbuster ยอดนิยม อย่างไรก็ตาม Netflix เริ่มหันมายังบริการสตรีมมิ่งในปี 2007 และประสบความสำเร็จ (ขณะที่ Blockbuster นั้นต้องออกจากตลาดไปอย่างน่าเศร้า) Netflix เริ่มต้นสร้างเนื้อหาของตนในปี 2012 และตอนนี้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ซื้อภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์รายใหญ่ที่สุดของโลก นอกจากนั้นแล้ว Netflix ยังอวดตัวเลขสมาชิกที่จ่ายเงินรายเดือนทั่วโลกมากกว่า 183 ล้านคนจากกว่า 190 ประเทศ
3. Apple
ประวัติความเป็นมา: Apple เคยทำสงครามสมาร์ตโฟนกับ Samsung ด้วยทั้งสองแบรนด์ต่างต้องการแย่งชิงความเป็นเจ้าตลาด ซึ่ง Apple เป็นผู้ชนะในสงครามดังกล่าวอย่างชัดเจนและผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายนี้แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน ถึงแม้ว่ายอดขายอุปกรณ์จะยังเป็นรายได้ส่วนใหญ่ของแบรนด์ แต่ Apple เริ่มให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น บริการสตรีมมิ่งและเสนอพื้นที่จัดเก็บระบบคลาวด์ เนื่องจากผลกระทบจากการกักตัวอยู่กับบ้าน ระบบนิเวศน์ของ Apple สร้างผู้สนับสนุนแบรนด์ที่แท้จริง ด้วยการเปิดตัว Apple Arcade และ Apple Music เมื่อไม่นานมานี้ ผลกระทบจากการกักตัวอยู่กับบ้านทำให้ Apple เติบโตยิ่งขึ้นในปีที่กำลังมาถึง
รายชื่อ หุ้นบลูชิพ ที่ให้เงินปันผลสูง
มีเคล็ดลับมากมายในอินเทอร์เน็ตสำหรับหัวข้อนี้อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องทำการวิเคราะห์ที่เหมาะสมของหุ้นบลูชิปแต่ละตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงขึ้น บ่อยครั้งที่อัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้นหมายถึงการเติบโตของราคาหุ้นที่ลดลง แต่มีหุ้นบลูชิพจำนวนหนึ่งที่จัดการเพื่อให้เกิดการผสมผสานที่น่าสนใจทำให้อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดีควบคู่ไปกับอัตราการเติบโตที่ดี นี่คือชิปสีน้ำเงินสี่ชิ้นที่สามารถจัดการกับความชั่วร้ายได้
- Zoetis (ZTS)
ผู้ผลิตสัตวแพทย์และวัคซีน
เงินปันผลตอบแทน : 0.6%
อัตราการเติบโตของเงินปันผล : 49.4%
กำไรประจำปี : 20.0%
- UnitedHealth (UNH)
ผู้ให้บริการประกันสุขภาพ
เงินปันผลตอบแทน : 1.4%
อัตราการเติบโตของเงินปันผล : 28.0%
กำไรต่อปี : 14.9%
- Mastercard Inc. (MA)
หน่วยประมวลผลการชำระเงิน
เงินปันผลตอบแทน: 0.5%
อัตราการเติบโตของเงินปันผล: 40.1%
กำไรต่อปี: 30.8%
- Nvidia (NVDA)
ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์
เงินปันผลตอบแทน : 0.2%
อัตราการเติบโตของเงินปันผล : 21.3%
กำไรต่อปี : 26.5%
เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ Admirals!
- เปิดบัญชีทดลอง หรือ Demo ได้ฟรี และเปิดใหม่ได้เรื่อย ๆ หากบัญชีหมดอายุ
- เทรดตลาด Commodity สำคัญ ๆ ได้ครบทุกตัว ทองคำ, น้ำมัน, แร่ธรรมชาติ ฯลฯ
- ฝึกลงทุนแบบนักลงทุน VI ด้วยพันธบัตรและกองทุน ETF ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น ARK, iShare, SPDR
- ทดลองเทรดค่าเงิน Forex ได้หลากหลาย ทั้งสกุลเงินหลัก USD, EUR, GBP หรือสกุลเงินเอเซีย AUD, NZD, SGD เป็นต้น
การเปิดบัญชีกับ Admirals นั้นสะดวกรวดเร็วมาก ๆ คุณเพียงกรอกแค่ชื่อกับอีเมลเท่านั้น คุณก็จะได้รับอีเมลรหัสสำหรับการเข้าเทรด และลิงค์สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมเทรด คลิกเปิดบัญชีที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ได้เลย
ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อการวิเคราะห์:
สื่อ, สารสนเทศที่ได้นำเสนอมีรายละเอียดที่เชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ การประเมินผลลัพธ์ การคาดการณ์และการพยากรณ์รายเดือนหรือรายสัปดาห์ รวมถึงข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะของข้อมูลในรูปแบบเดียวกัน (ต่อไปจะเรียกว่า "การวิเคราะห์") ซึ่งได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ Admirals SC Ltd. ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โปรดศึกษาและพิจารณาข้อควรระวังดังต่อไปนี้
- นี่คือการสื่อสารทางการตลาด การวิเคราะห์ที่ถูกเผยแพร่ไปนั้น มีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำทางด้านการลงทุน ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน (Independence of Investment Research) และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใด ๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน
- การตัดสินใจลงทุนใดๆ ของลูกค้า เป็นการตัดสินใจแต่โดยลำพังของลูกค้าเอง ซึ่ง Admirals SC Ltd.จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นผลจาก "การวิเคราะห์" หรือไม่ก็ตาม
- ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าของเราและความเที่ยงธรรมของการวิเคราะห์ Admirals SC Ltd ได้กำหนดกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์
- การวิเคราะห์จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ (นักวิเคราะห์) (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้เขียน") เนื้อหาเป็นไปตามการประมาณการณ์ส่วนบุคคล
- ในขณะที่ใช้ความพยายามอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้แน่ใจว่า แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดมีความน่าเชื่อถือและมีการนำเสนอข้อมูลทั้งหมดในลักษณะที่เข้าใจได้ทันเวลา แม่นยำและครบถ้วนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Admirals SC Ltd ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของ ข้อมูลใด ๆ ที่อยู่ในการวิเคราะห์
- ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาหรือแบบจำลองใด ๆ ในอดีตของเครื่องมือทางการเงินที่ระบุไว้ในเนื้อหา ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการรับประกันโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยโดย Admirals SC Ltd สำหรับผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในอนาคต มูลค่าของตราสารทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นและลดลง ไม่มีการรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับมูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้น
- ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับความแตกต่าง; CFD) เป็นลักษณะของการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียหรือกำไร ก่อนที่คุณจะเริ่มการซื้อขายโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้