Liquidity คือ ? ทำความเข้าใจตลาดและสภาพคล่องของตลาดไปพร้อมกัน!

แน่นอนว่าหากพูดถึงข่าวทางการเงินก็จะต้องมีคำว่าสภาพคล่องเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ แต่คุณรู้และเข้าใจจริงๆ หรือไม่ว่าสภาพคล่อง คือ ? รวมทั้งสภาพคล่องในตลาดหมายถึงอะไร หากยังไม่แน่ใจเราจะมาชวนคุณมาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันที่นี่!
รู้จักและเข้าใจสภาพคล่องในตลาด
Liquidity คือ ? สภาพคล่องในตลาดคืออะไร ?
เมื่อเราพูดถึงสภาพคล่องในด้านการเงินใดๆ เราหมายถึงความง่ายและรวดเร็วในการซื้อหรือขายสินทรัพย์หนึ่งๆ ในราคาที่มีเสถียรภาพ ดังนั้น หากเราพูดถึงชีวิตประจำวัน บุคคลหรือธุรกิจจะถือว่ามีสภาพคล่องหากมีความสามารถในการปฏิบัติตามภาระผูกพันทางการเงินในทันที
↳ ความสามารถในการชำระหนี้ในระยะยาวเรียกว่าความสามารถในการชำระหนี้
หากพูดถึงความสามารถที่จะชำระหนี้ เราจะเข้าใจความแตกต่างระหว่าง ความสามารถที่จะชำระหนี้ สภาพคล่องของตลาดและสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งเป็นความสามารถของบริษัทในการชำระเงินให้ตรงเวลา (ซึ่งรวมถึงชำระด้วยเครดิตได้) แต่ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจในความสำคัญสภาพคล่องของตลาดกัน
กล่าวได้ว่าในตลาดนั้นสภาพคล่อง คือ จำนวนผู้ซื้อและผู้ขายที่มีอยู่ในนั้น
▶ ยิ่งมีผู้เข้าร่วมมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งสามารถ "วาง" ทรัพย์สินของเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และยิ่งสินทรัพย์มีสภาพคล่องมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งขายได้เร็วเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เราจึงสามารถยืนยันได้ว่าเงินสดเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากที่สุด เนื่องจากสามารถใช้ทำการแลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา และในทุกผลิตภัณฑ์หรือทุกบริการ อย่างไรก็ตาม บ้านหรือรถก็ไม่ค่อยมีสภาพคล่องนัก เพราะการทำการแลกเปลี่ยนนั้นไม่ง่ายนัก อีกทั้งยังต้องใช้เวลา การคำนวณราคา และคนกลางเกือบตลอดเวลา
ซึ่งนี่คือวิธีที่เรากำหนดสภาพคล่องของตลาดในโลกของการซื้อขาย หากคุณต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกพร้อมกลยุทธ์การซื้อขายที่สามารถปรับให้เหมาะกับทุกระดับ ลงทะเบียนคอร์สเรียนเทรดออนไลน์ฟรี Zero to Hero คลิกที่ลิงค์ได้เลย!
Liquidity คือ ? สภาพคล่องบอกถึงอะไร ?
เมื่อเราเข้าสู่โลกแห่งการซื้อขาย สิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเงินทุนของเรา คือต้องคำนึงถึงสภาพคล่องของตลาดที่เราต้องการดำเนินการ มาดูกันว่าทำไมในตลาดนั้นสภาพคล่อง คือสิ่งสำคัญ
➨ ยิ่งตลาดมีสภาพคล่องมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น เนื่องจากจะมีผู้ต้องการซื้อหรือขายอยู่เสมอ
➨ ยิ่งตลาดมีสภาพคล่องมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดึงดูดผู้เข้าร่วมตลาดได้มากขึ้นเท่านั้น เมื่อมีผู้เข้าร่วมตลาดมากความสะดวกต่างๆ ในการดำเนินการก็จะมากและหลากหลายมากขึ้นตามความสนใจของผู้เข้าร่วมตลาด
นอกจากนี้ ในการซื้อขายนั้นสภาพคล่องอาจส่งผลโดยตรงต่อสเปรดที่เราจ่ายให้กับโบรกเกอร์เพื่อดำเนินการตราสารบางอย่าง เมื่อวัดสภาพคล่องของตลาด ตลาดที่มีสภาพคล่องคือตลาดที่มีการดำเนินการรายวันจำนวนมากและประกอบด้วยเทรดเดอร์ที่ทำการซื้อขายในตลาดจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นการจำกัดความแตกต่างระหว่างราคาซื้อ (ask) และขาย (bid) ของสินทรัพย์ทางการเงินนั้นๆ ดังนั้น สเปรดก็จะเล็กลง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้สภาพคล่องในตลาดมีความสำคัญ
มาดูตัวอย่างกันว่าสภาพคล่องที่มากขึ้นจะทำให้การซื้อขายง่ายขึ้น และมีค่าใช้จ่ายน้อยลงได้อย่างไร
↳ หากซื้อขายคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องมากที่สุด EUR/USD สเปรดทั่วไปกับ Admirals UK Ltd คือ 0.6 pips โดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
↳ หากดำเนินการกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องน้อยอย่างหุ้น ต้นทุนก็จะสูงขึ้น โดยใน IBEX35 Telefónica ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากที่สุด คุณสามารถลงทุนในหุ้น Admirals ด้วยสเปรดทั่วไปที่ 2 pips
เมื่อเลือกที่จะดำเนินการในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เราจะต้องคำนึงถึงเวลาในการซื้อขายด้วย เนื่องจากจำนวนผู้เข้าร่วมในหนึ่งชั่วโมงจะไม่เท่ากับจำนวนผู้เข้าร่วมในอีกชั่วโมงหนึ่ง
↳ สกุลเงินหรือตลาด Forex ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีสภาพคล่องมากที่สุด อย่างไรก็ตาม หากเราดำเนินการกับคู่เงิน EUR/GBP จะไม่มีสภาพคล่องในช่วงเซสชั่นยุโรป เนื่องจากจะเป็นช่วงเซสชั่นของเอเชียหรือช่วงวันหยุด
นอกจากนี้ เมื่อผู้ขายมี outperform เหนือกว่าผู้ซื้อหรือในทางกลับกัน อาจทำให้การดำเนินการซับซ้อนขึ้น และเราอาจไม่สามารถปิดสถานะของเราได้สำเร็จ
สาเหตุหนึ่งที่วิกฤตการเงินครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2008 คือการขาดสภาพคล่องของสิ่งที่เรียกว่า junk หรือซับไพรม์ แม้ว่าบริบทปัจจุบันจะแตกต่างกันมาก แต่ในช่วงต้นปี 2020 European Securities and Markets Authority (ESMA) ได้เตือนถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในภาคอสังหาริมทรัพย์
"กองทุนจำนวนมากในภาคอสังหาริมทรัพย์มีสภาพคล่องรายวัน ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงของโครงสร้างที่เปราะบาง เนื่องจากกองทุนเหล่านี้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ แต่อนุญาตให้นักลงทุนแลกเปลี่ยนหุ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ"
ตลาดที่มีสภาพคล่องสูงสุด
จากที่อธิบายข้างต้นเงินสดถือเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากที่สุด เพราะเราสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์อื่นๆ ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ดังนั้น เมื่อเราพูดถึงตลาดที่มีสภาพคล่อง เราจะหมายถึงว่าเราสามารถเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นเงินสดได้เร็วแค่ไหน มาดูกันว่าตลาดไหนมีสภาพคล่องมากที่สุด
Forex
ก่อนจะพูดถึงสภาพคล่องของตลาด Forex เรามาดูกันว่าตลาดนี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ตลาด Forex เป็นที่ซื้อขายสกุลเงิน ทั้งนี้หากอ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ตลาดนี้มีการเคลื่อนไหว 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถทำให้เราทราบเกี่ยวกับสภาพคล่องของมันได้
▶ ตัวอย่างการมีส่วนร่วมส่วนใหญ่ในตลาดนี้ คือ การแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่ง เพื่อเตรียมเดินทางไปต่างประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้ ตลาดนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ โดยจะเปิดในวันอาทิตย์เวลา 23.00 น. ตามเวลามาตรฐานยุโรปกลางและปิดในวันศุกร์เวลา 22.00 น. (GMT +1) ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง (GMT +7)
ทั้งนี้ สกุลเงินมีการซื้อขายเป็นคู่ เช่น EUR/USD ซึ่งคือการวัดมูลค่าของยูโรเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อมูลค่าของทั้งคู่เพิ่มขึ้น หมายความว่ามูลค่าของเงินยูโรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หากค่าของมันลดลง ก็หมายความว่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโร
โดยคู่ฟอเร็กซ์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามความถี่และปริมาณการซื้อขาย ดังนี้
คุณสามารถสังเกตคู่สกุลเงินทุกคู่และตรวจสอบสภาพสภาพคล่องผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมสูงสุด พร้อม ดาวน์โหลด MT5 ฟรี คลิกที่แบนเนอร์ได้เลย!
สินค้าโภคภัณฑ์
เราอาจคิดว่าสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ใช่ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เนื่องจากการส่งมอบจริงอาจทำให้การแลกเปลี่ยนเงินสดล่าช้า แต่ในปัจจุบัน สินค้าเหล่านี้มีการซื้อขายผ่านผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ เช่น CFD ฟิวเจอร์ส และ ETF ดังนั้นจึงมีสภาพคล่องมาก
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จึงเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เนื่องจากมีการซื้อขายมากที่สุดและบ่อยที่สุดนั่นเอง
โลหะ
ตลาดทองคำ คือตลาดที่มีสภาพคล่องมากที่สุด แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีประเทศใดใช้โลหะมีค่านี้เป็นข้อมูลอ้างอิงทางการเงิน
นักลงทุนมักหันไปหาทองคำ เพื่อความมั่นคงในช่วงเวลาที่ไร้เสถียรภาพและความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมทองคำจึงถูกเรียกว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในทางกลับกัน ปริมาณการซื้อขายทองคำยังได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์จากภาคเครื่องประดับและภาคส่วนอื่นๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ อีกด้วย
กาแฟ
กาแฟ คือ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากน้ำมัน
โดยในตลาดนี้ มีการเก็งกำไรในราคากาแฟ ซึ่งขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของโลก การผลิต สภาพอากาศในพื้นที่ที่ปลูกกาแฟ รวมทั้งการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
ปิโตรเลียม
บริษัทขุดเจาะขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน สายการบิน รัฐบาล และหน่วยงานอื่นๆ มีส่วนร่วมในตลาดน้ำมัน ซึ่งหมายความว่าปริมาณการซื้อขายสูงมาก ดังนั้น จึงมีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมากที่อำนวยความสะดวกในด้านสภาพคล่อง
ทั้งนี้ น้ำมันดิบไม่ได้ถูกใช้เพียงเป็นเชื้อเพลิงเท่านั้น แต่ยังใช้ทำพลาสติก ปุ๋ย และแม้แต่เครื่องสำอางด้วย
หุ้น
สภาพคล่องในตลาดหุ้นนั้นมีความเชื่อมโยงระหว่างสภาพคล่องของตลาดและกิจกรรมการซื้อขาย โดยหุ้นที่มีสภาพคล่องมากที่สุด คือ หุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด หรือก็คือสิ่งที่สามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้ขายและผู้ซื้อจำนวนมากที่ดำเนินการอยู่ด้วย ซึ่งนับเป็นสภาพคล่องในตลาดหุ้น
และแน่นอนว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในดัชนีหุ้นหลักของโลกมีสภาพคล่องมากที่สุด เนื่องจากมีการแลกเปลี่ยนหุ้นจำนวนมากในเซสชั่นเดียว
ซึ่งหากอ้างอิงจากข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2020 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดใน IBEX35 ได้แก่ Inditex, Iberdrola และ Santander
ตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำสุด
สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องน้อยที่สุด คือ สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดปัญหาในการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์อื่นมากที่สุด ซึ่งมีรายการ ดังนี้
- บ้านและที่อยู่อาศัย ราคาของบ้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับวัฏจักรเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วย
- รถยนต์ เช่นเดียวกับบ้าน เมื่อเราซื้อรถยนต์แล้วก็ไม่สามารถคาดหวังให้เป็นการลงทุนระยะยาวได้ เนื่องจากเมื่อคำนวณโดยคำนึงถึงอายุของรถ ก็จะมีราคาที่จะลดลงไปในแต่ละปี
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (โทรศัพท์มือถือ, โทรทัศน์, เครื่องใช้ในครัวเรือน, คอมพิวเตอร์ เป็นต้น) เช่นเดียวกับรถยนต์ ทรัพย์สินเหล่านี้มีค่าเสื่อมราคาตามการใช้งาน
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดการเงินคือการใช้บัญชีทดลองเทรด เพื่อฝึกฝนและทำความคุ้นเคยกับตลาด ศึกษากลยุทธ ในสภาวะตลาดจริงได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินทุน!
รู้จักกับ Admirals
เราคือโบรกเกอร์ซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ดำเนินการมายาวนานกว่า 20 ปี พร้อมใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหน่วยงานทางการเงินระดับโลกอย่าง FCA สูงสุด ที่ Admirals คุณสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ทันสมัยที่สุด พร้อมเครื่องมือการซื้อขายและตราสารที่ได้รับความนิยมหลากหลายรายการ รวมทั้ง CFD หุ้น และ ETF
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำในการลงทุน ข้อเสนอ หรือการชักชวนสำหรับธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงิน โปรดทราบว่าการวิเคราะห์การซื้อขายด้านบน ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน