เข้าใจ Recession (ภาวะเศรษฐกิจถดถอย) พร้อมคู่มือรับมือฉบับใช้ได้จริง!

คุณรู้หรือไม่ว่า ผู้คนกว่า 2 ใน 3 ไม่ได้มีการเตรียมตัวรับมือกับ"ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งต่อไปที่ยิ่งน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อนักเศรษฐศาสตร์เองก็กำลังเตรียมพร้อมกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีวิธีในการเตรียมความพร้อมหลายวิธี เช่น การทำความเข้าใจว่า ตลาดหุ้นจะได้รับผลกระทบอย่างไร และเรียนรู้กลยุทธ์ที่สามารถต่อกรกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นกลยุทธิ์ที่นักลงทุนทั่วโลกใช้สร้างกำไรจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในบทความนี้ เราจะอธิบายว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย คืออะไร ? และอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย และมันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอย่างไร รวมถึงวิธีการเตรียมความพร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งต่อไป พร้อมกลยุทธ์ที่สามารถต่อกรกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ให้ได้
รู้จักและเข้าใจ Recession
Recession หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือ ?
สำนักงานวิจัยทางเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ให้คำจำกัดความว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญและแผ่กระจายไปทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจนานกว่า 2-3 เดือน" โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงนั้นจะวัดจาก 5 ตัวชี้วัด ดัวนี้
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (GDP)
- รายได้จริง
- ตัวเลขการจ้างงาน
- ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม
- ยอดค้าปลีก
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์จำนวนมากก็ได้ให้คำจำกัดความเพิ่มเติมไปอีกหนึ่งระดับว่า "ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะต้องเป็นสภาวะที่เศรษฐกิจมีการเติบโตติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส" เช่น GDP ติดลบ นอกจากนี้ ยังมีตัวบ่งชี้อื่นๆ ที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น เกิดเหตุการณ์ที่ธุรกิจล้มละลาย, ยอดการค้าที่ลดต่ำลง เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดต่ำลงอย่างมาก รวมทั้งราคาบ้านร่วง และอัตราการว่างงานที่สูง เป็นต้น
Recession เกิดจากอะไร?
สาเหตุของภาวะเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งบางครั้งก็เกิดขึ้นจากผลของสงคราม บางครั้งก็เกิดจากนโยบายของรัฐบาล แต่โดยทั่วไปแล้วเกิดจากความไม่สมดุลของเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข
โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2008 ซึ่งเกิดจากการเติบโตอย่างไร้เหตุผลในตลาดซื้อขายที่อยู่อาศัย ทุกคนจึงคิดว่าราคาบ้านจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายคนซื้อบ้านในราคาที่ไม่สามารถจ่ายได้ นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นแรงหนุนที่ทำให้เกิดการกู้ยืมมากขึ้น รวมทั้งยังมีการปล่อยสินเชื่อแบบ interest-only ซึ่งทำให้ผู้กู้สามารถจ่ายเพียงเฉพาะดอกเบี้ยในระยะแรกๆ ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินต้น
และการที่สถาบันการเงินมีการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซับซ้อน ซึ่งนำสินเชื่อดีกับสินเชื่อที่ไม่ดีมาผูกเป็นผลิตภัณฑ์เดียวกัน และเมื่อเริ่มมีการผิดนัดชำระหนี้ ก็เริ่มเกิดการตื่นตระหนกในตลาด จนในที่สุดก็นำไปสู่การล้มละลายของธนาคารต่างๆ ซึ่งต้องใช้เงินจากภาครัฐกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการพยุงไม่ให้ล้ม
จึงกล่าวได้ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2008 เกิดขึ้นจากจำนวนหนี้ที่มากเกินรองรับในระบบเศรษฐกิจ แต่หากย้อนกลับไปที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2001 จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากราคาสินทรัพย์ในหุ้นเทคโนโลยีที่สูงมากเกินจน "เฟ้อ" และนำไปสู่ฟองสบู่ดอทคอมแตก (tech bubble crash)
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้สรุปได้ว่าภาวะภาวะเศรษฐกิจถดถอยแต่ละครั้งจะมีลักษณะเฉพาะตัว แต่ก็มีบางปัจจัยที่มักเป็นส่วนประกอบอยู่บ่อยๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก, สภาวะฟองสบู่ของราคาสินทรัพย์ หรือเกิดอัตราเงินเฟ้อที่รุนแรง
หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกอยู่สถานการณ์ที่ยากลำบากในภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งต่อไป สิ่งสำคัญเลยคือการมีเครื่องมือการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ อย่าง MT5 - แพลตฟอร์มการเทรดอันดับ 1 ของโลก ที่จะช่วยให้คุณสามารถซื้อขายสินทรัพย์ได้อหลากหลาย ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลด MT5 ฟรี พร้อมการเข้าถึงข้อมูลและกราฟที่เหนือชั้นกว่า รวมทั้งรับรายงานและการวิเคราะห์ตลาดการเงินแบบเรียลไทม์ฟรี! และที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องมือที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้คุณทำการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจาก Admirals คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ และดาวน์โหลดได้เลย!
Recession ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างไร?
ตลาดหุ้นไม่ใช่ตัวบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะว่าตลาดหุ้นเป็นเพียงสิ่งที่แสดงถึงมุมมองของนักลงทุนที่มีต่อผลประกอบการในอนาคตของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่สภาวะเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจถดถอย ส่งผลอย่างไร ?
ในภาวะ Recession คือ ผู้บริโภคมักใช้จ่ายน้อยลงจึงนำไปสู่การลดตำแหน่งงานในบริษัท ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลความสามารถในการกำไรหรือกำไรที่สามารถคาดหวังได้ในอนาคตของบริษัท นอกจากนี้ ยังส่งผลที่ทับซ้อนกันระหว่างภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้น เช่น เมื่อลองพิจารณาภาวะถดถอยทางการเงินในปี 2008 กับดัชนีตลาดหุ้น Dow Jones 30 (DJI 30) ซึ่งประกอบด้วย 30 บริษัทจากหลากหลายอุตสาหกรรมในอเมริกา เช่น Apple, Nike, McDonald's และอื่น ๆ
ที่มา: AdmiralsMetaTrader 5, กราฟราคา DJI 30รายเดือน - ในช่วงวันที่: 1 พฤษภาคม 2005 ถึง 15 สิงหาคม 2019 เข้าใช้งานวันที่ 15 สิงหาคม 2019 เวลา 13:56 น. ตามเวลา BST - หมายเหตุ: ประสิทธิภาพการดำเนินการในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลลัพธ์ในอนาคต
จากภาพด้านบน ไฮไลท์สีเหลืองในกราฟแสดงถึงดัชนี Dow Jones 30 ที่ร่วงลงในช่วง ต.ค. 2007 ถึง มี.ค. 2009 โดยในขณะที่ดัชนีลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลานี้ก็กลายเป็นจุดต่ำสุดก่อนที่เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง เพราะในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ธนาคารกลางมักจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลง เพื่อคาดหวังให้บริษัทต่างๆ กู้เงินไปลงทุนเพื่อให้บริษัทเติบโต หรือเพิ่มการลงทุนนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานและอื่นๆ ที่จะตามมา ซึ่งเป็นแนวคิดของธนาคารที่เชื่อว่ากิจกรรมต่างๆ เหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
และเมื่อเราเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ ก็หมายถึงเรามีความพร้อมรับมือเศรษฐกิจถดถอย ด้วยกลยุทธิ์ที่สามารถรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้นั่นเอง
เตรียมตัวสำหรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยกับ Admirals
หลายคนเชื่อว่าการพยายามระบุจังหวะเวลาที่แน่ชัดที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการเตรียมความพร้อม แต่ความเป็นจริงแล้ว การเข้าถึงผลิตภัณฑ์การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินที่ "ใช่" เพื่อได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวที่สำคัญของตลาดนั้นมีความสำคัญมากกว่า
ซึ่งการจะเลือกคำตอบที่ใช่ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อม ซึ่งคุณจะต้องเตรียมสิ่งเหล่านี้ก่อนเริ่มต้นกลยุทธ์เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ดังนี้
1. เปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาต
ในช่วงเวลาของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย คุณต้องการความมั่นใจว่าโบรกเกอร์จะสามารถนำเสนอผลประโยชน์ที่ดีที่สุด เป็นโบรกเกอร์ที่กำลังดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินสากล เช่น UK's Financial Conduct Authority หรือ FCA ซึ่งจะการันตีได้ว่าคุณจะได้รับการปกป้องดูแลและบริการทางการเงินที่เสถียรภาพ
Admirals ที่ได้รับการควบคุมและกำกับดูแลจากหน่วยงานทางการเงินที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก 4 แห่ง ได้แก่ Financial Conduct Authority (FCA), Australian Securities and Investments Commission (ASIC), Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC) และ Estonian Financial Supervision Authority (EFSA)
2. เรียนการเทรด CFD เพื่อทำกำไรจากตลาดขาลง
CFD มีประโยชน์ที่หลายอย่างซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยงในการเทรด ซึ่งการเทรด CFD ที่ทำให้มีโอกาสในการรับผลกำไรทั้งจากตลาดที่ปรับตัวลงและตลาดที่กำลังพุ่งสูงขึ้นได้
การเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดและการทำงานของ CFD เทรดเดอร์จะได้ประโยชน์ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่บางตลาดจะปรับตัวลดลง ในขณะที่บางตลาดจะปรับตัวเพิ่มสูง เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการเทรดให้กับเรา
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังสามารถใช้บัญชีการซื้อขายหุ้นแบบเดิม เช่น Invest.MT5 ซึ่งจะช่วยให้สามารถลงทุนในหุ้นของบริษัทได้ แม้ว่าจะไม่สามารถทำกำไรจากตลาดที่ร่วงลงในบัญชีนี้ได้ แต่ก็ยังสามารถในการรับเงินปันผลได้ อย่างไรก็ตาม การมีความสามารถในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์การซื้อขายทางการเงินที่แตกต่างกันทั้งหมดจากโบรกเกอร์เดียวกันอาจเป็นประโยชน์ที่มากขึ้น
3. ฝึกเทรดบนแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ใช้งานง่ายรวดเร็วและปลอดภัย
แพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกคือ MetaTrader (MT4, MT5 และ MetaTrader WebTrader) และด้วยบัญชีของ Admirals คุณสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ไม่ว่าจะทำการเทรดบน PC, Mac, Android หรือ iOS คุณก็สามารถเข้าถึงชุดของเครื่องมือการเทรดของ MetaTrader ได้ทั้งหมด พร้อมเพลิดเพลินไปกับชุดของกราฟราคาที่มีลูกเล่นให้ใช้งานมากมาย ซึ่งสามารถเปิดกราฟใช้กับสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งหมดได้ อีกทั้งยังมีบริการข้อมูลข่าวสารและบทวิเคราะห์ทั้งทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานของตลาด
เมื่อต้องเตรียมการสำหรับการเทรดในตลาดการเงินในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย สิ่งสำคัญคือต้องรู้ วิธีการใช้งานแพลตฟอร์มการเทรดคุณ คุณต้องรู้ว่า จะเข้าถึงสินทรัพย์แตกต่างได้จากตรงไหนและจะเริ่มซื้อขายจริงๆ ได้อย่างไร เนื่องจากนักลงทุนและเหล่าเทรดเดอร์จะพยายามปรับและจัดการพอร์ตการลงทุนของตนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตอนนั้น คุณคงไม่ต้องการมานั่งอ่านวิธีการกดปุ่มซื้อขายในจังหวะที่ตลาดได้เคลื่อนไหวไปแล้ว
และบัญชีซื้อขายทดลองเทรดก็เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบ ในการฝึกฝนการเทรดและทดลองกลยุทธ์ในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเสี่ยง เพื่อที่คุณจะสามารถทดลองเทรดได้จนกว่าจะพร้อมในการเทรดด้วยเงินทุนจริง โดยคุณสามารถศึกษาการใช้งานบัญชีทดลองเทรดได้จากวิดีโอนี้
หากพร้อมแล้วก็สามารถเปิดบัญชีทดลองเทรด ฟรี กับ Admirals ได้แล้ววันนี้ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างได้เลย!
4. ทำความคุ้นเคยกับสินทรัพย์ที่หลากหลายประเภทเช่น Forex, หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์และดัชนี
มีตลาดที่หลากหลายให้ซื้อขายในตลาดการเงิน เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี พันธบัตร และสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งบางส่วนของตลาดเหล่านี้สามารถแสดงแนวโน้มที่จะขึ้นหรือลงในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วว่า ใช้งานได้จริงๆ ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือ การเข้าซื้อในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ, สกุลเงินฟรังก์สวิส เป็นต้น
ทั้งนี้ สินทรัพย์ปลอดภัย (safe-haven asset) นั้นหมายถึงสินทรัพย์ที่ตลาดคาดว่าจะสามารถรักษามูลค่าของเงินไว้ได้ แม้ว่าตลาดการเงินทั่วโลกจะได้รับผลกระทบก็ตาม โดยฟรังก์สวิสนั้นถือว่าปลอดภัยเนื่องจากรัฐบาลของและระบบการเงินของประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีเสถียรภาพ ส่วนทองคำก็ถือเป็น safe-haven เนื่องจากเป็นรูปแบบของเงินที่ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ
การความเข้าใจลักษณะของสินทรัพย์ในหมวดต่างๆ จะทำให้คุณสามารถซื้อขายในสินทรัพย์ที่ถูกต้องได้ในในช่วงเวลาที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
การเตรียมตัวสำหรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในครั้งต่อไป
หลังจากลงทะเบียนบัญชีจริงหรือบัญชีแบบทดลอง และดาวน์โหลดแพลตฟอร์มการเทรด MetaTrader เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปก็คือการเตรียมความพร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
กลยุทธ์ Recession-proof
เพื่อให้เข้าใจกลยุทธ์ Recession-proof ได้อย่างง่ายที่สุด ควรเปิดแพลตฟอร์ม Admirals MetaTrader ไปพร้อมกับคำอธิบายด้านล่างนี้
1. กระจายพอร์ตหุ้นของคุณโดยการเปลี่ยนอุตสาหกรรม
สำหรับผู้ที่ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไว้ในพอร์ตการลงทุน นับว่ามีความเสี่ยงอย่างมากที่หุ้นดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนที่ต่ำลงในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นักลงทุนอาจพยายาม "ป้องกันความเสี่ยง" (Hedge) ของพอร์ตโดยการเข้า Short ดัชนีหุ้นใน CFD เพื่อผลกำไรจากการเทรดที่ได้จากตลาดที่ปรับตัวลง จะสามารถชดเชยกับมูลค่าของหุ้นในพอร์ตที่มีมูลค่าลดลงได้ อย่างไรก็ตาม หากไม่เข้าใจกลยุทธิ์การเทรดแล้ว ก็เหมือนเป็นเรื่องที่ "พูดง่ายกว่าทำ"
และเพื่อเตรียมความพร้อมกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ นักลงทุนอาจพิจารณาใช้วิธีการเปลี่ยนอุตสาหกรรม (sector rotation) ซึ่งคือการปรับสมดุลของพอร์ตหุ้นให้มีหุ้นจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย หุ้นที่ถือเป็นหุ้นเชิงตั้งรับ (defensive) คือหุ้นในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสินค้าจำเป็น, หุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค, หุ้นกลุ่มบริการด้านสุขภาพ (Healthcare) หุ้นเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นกล่มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หุ้นบริษัทที่ขายสินค้าฟุ่มเฟือย, หุ้นค้าปลีก เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ให้บริการหรือสินค้าที่ผู้คนรู้ว่า ไม่จำเป็นต้องมีต้องใช้ก็ได้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะแย่ขนาดไหนก็ตาม
นักลงทุนอาจพยายามกว้านซื้อหุ้นที่ให้ปันผลสูงๆ ซึ่งหากคุณลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คุณก็มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลกำไรได้ โดยพื้นฐานแล้วนักลงทุนจะพยายามหารายรับจากหุ้นที่ให้ปันผลที่ดีมากที่สุดนั่นเอง
และหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้นลงทุนในหุ้นคือการเปิดบัญชี MT5 ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถลงทุนได้ทั้งในหุ้นและกองทุน ETF จากตลาดหลักทรัพย์กว่า 15 ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกผ่านแพลตฟอร์มการเทรด MetaTrader 5 พร้อมสิทธิประโยชน์อื่นๆ รวมถึงรายงานข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ บทวิเคราะห์ระดับพรีเมียม ฟรีค่าธรรมเนียมการบำรุงรักษาบัญชี ค่าคอมมิชชั่นการทำธุรกรรมที่ต่ำ สิทธิในการรับเงินปันผล! ประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้ เพียงเปิดบัญชีการลงทุนจากการคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างได้เลย!
2. การ Short ในดัชนีหุ้นผ่านสัญญา CFD
ด้วยบัญชีของ Admirals ที่จะช่วยให้คุณสามารถเทรดดัชนีที่หลากหลายผ่านสัญญา CFD ได้ เช่น Dow Jones 30 (DJI 30), German DAX 30 (DAX 30), FTSE 100 และดัชนีของตลาดหุ้นอื่นๆ อีก หากต้องการดูว่า มีตลาดอะไรให้เทรดได้บ้าง คุณสามารถทำตามขั้นตอน ดังนี้
- เปิดโปรแกรม MetaTrader
- เปิดหน้าต่าง Market Watch จากแท็บ View ที่ด้านบนหรือกดปุ่ม Ctrl + M
- คลิกขวาที่หน้าต่าง Market Watch เลือก Symbols หรือ Ctrl+U
- จากนั้นจะมีหน้าต่างที่แสดงรายละเอียดของตลาดทั้งหมดที่คุณสามารถเทรดได้
- เลือกที่ Cash Indices
Disclaimer: กราฟของตราสารทางการเงินในบทความนี้ มีไว้เพื่อจุดประสงค์ในการอธิบายและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการซื้อขายหรือการชักชวนให้ซื้อหรือขายตราสารทางการเงินใดๆ ที่จัดทำโดย Admirals (CFDs, ETFs, หรือหุ้นต่างๆ) ประสิทธิภาพการดำเนินการในอดีตไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในอนาคต
ดัชนีตลาดหุ้นเป็นตัวแทนของตลาดหุ้น โดยจะหยิบบริษัทจดทะเบียนที่แตกต่างกันขึ้นมาคำนวณออกมาเป็นดัชนี เช่น ดัชนี Dow Jones 30 คำนวณโดยใช้ราคาปิดและมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ บริษัท 30 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วยบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Apple, Boeing, Pfizer, Microsoft, Nike, WalMart เป็นต้น
เนื่องจาก บริษัทต่างๆ มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบที่เลวร้ายในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ดังนั้น ราคาหุ้นจึงมีแนวโน้มลดลง และแทนที่เราจะซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนหรือลงทุนในดัชนีโดยคาดหวังว่าราคาจะสูงขึ้นและขายเพื่อทำกำไร คุณสามารถเลือกที่จะฝั่งเดียวกันกับแนวโน้มของตลาดด้วยการ "ขายล่วงหน้า" (Short) ในดัชนีหุ้นผ่านสัญญา CFD
ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย หุ้นที่นักลงทุนคนอื่นๆ ถือไว้มักมีมูลค่าลดลงเช่นเดียวกันกับดัชนีตลาดหุ้น ดังนั้น สิ่งที่เทรดเดอร์เลือกทำมักเป็นการเข้า Short เพื่อทำกำไรจากราคาดัชนีที่ลดลง การใช้สัญญา CFD ช่วยให้คุณสามารถเข้าเทรดด้วยคำสั่ง Short ได้ ซึ่งต้องตระหนักว่านี่คือการที่คุณขายล่วงหน้าไปก่อนในราคาที่สูง และย่อมคาดหวังว่าราคามันจะปรับตัวลดลง หลังจากนั้นคุณได้ทำการปิดคำสั่งการเทรดด้วยการ "ซื้อกลับ" ในราคาที่ถูกกว่าตอนขาย ซึ่งคุณจะได้รับกำไรจากส่วนต่างนั้น และหากตลาดได้ปรับตัวสูงขึ้น เทรดเดอร์ก็อาจสูญเสียหรือขาดทุนได้ ดังนั้น การจัดการความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งจำเป็น
โดยเฉพาะเทรดเดอร์มือใหม่ ควรรักษาระดับความเสี่ยงให้ต่ำเข้าไว้ในตอนเริ่มต้น และใช้คำสั่ง Stop Loss เพื่อที่จะสามารถออกจากตลาดและควบคุมการขาดทุนให้อยู่ในระดับที่น้อยที่สุด ทั้งนี้ หากคุณต้องการเริ่มที่จะ Short ในดัชนีผ่านสัญญา CFD คุณสามารถทำตามขั้นตอน ดังนี้
- เลือกใช้กลุยทธิ์การเทรดเพื่อระบุจุดเข้าเทรด, จุดตัดขาดทุน และเป้าหมายในการทำกำไร
- เลือกดัชนีที่ต้องการเทรดในแพลตฟอร์ม MetaTrader โดยเลือกจากหน้าต่าง Market Watch คลิกซ้ายที่ชื่อดัชนีค้างไว้แล้วลากไปที่ตัวกราฟและปล่อย
- คลิกขวาที่กราฟ และเลือก Trade -> New Order หรือสามารถกดปุ่มลัด F9
- หน้าต่างการส่งคำสั่งการเทรดจะปรากฏขึ้นตามภาพด้านล่าง
ตอนนี้คำถามคือ กลยุทธ์การเทรดหรือเครื่องมือตัวไหนที่ช่วยให้คุณสามารถระบุว่า เมื่อไหร่ควร Short ในตลาด? ความจริงมีเครื่องมือหลากหลายประเภทมากที่เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์ เช่น technical indicator, รูปแบบราคาต่างๆ ซึ่งสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความ "กลยุทธ์เทคนิคการเทรดที่คุณต้องรู้!"
3. ซื้อ "ทองคำ" ด้วยสัญญา CFD
ทองคำเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมสำหรับกลุ่มเทรดเดอร์และนักลงทุนในช่วงเวลาที่เกิดสภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นี่เป็นเพราะสถานะของมันที่เป็น 'สินทรัพย์ปลอดภัย' (safe-haven) อันเนื่องมาจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของทองคำย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่มันถูกใช้เป็นหนึ่งในรูปแบบของสกุลเงิน ซึ่งในช่วงเวลาที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2008 นักลงทุนเลือกที่จะออกจากตลาดหุ้น และเข้ามาลงทุนในตลาดทองแทน ซึ่งจะเห็นการเพิ่มขึ้นของราคาได้จากกราฟด้านล่าง:
ที่มา: Admirals MetaTrader 5,กราฟราคา ทองคำ รายเดือน - ช่วงวันที่: 1 มกราคม 1992 ถึง 15 สิงหาคม 2019 เข้าใช้งานวันที่: 15 สิงหาคม 2019 เวลา 16:08 น. ตามเวลา BST - หมายเหตุ: ประสิทธิภาพการดำเนินการในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลลัพธ์ในอนาคต
ในมุมมองภาพกว้างของกราฟราคาทองคำด้านบน ไฮไลท์สีเหลืองจะแสดงจุดเริ่มต้นของปี 2008 ไปจนถึงจุดสูงสุดของตลาดทองคำในเดือน ก.ย. 2011 ซึ่งจะเห็นว่า ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้นมาสักระยะแล้ว ก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นมาจริงๆ ซึ่งสภาวะถดถอยถูกกระตุ้นให้เกิดอัตราเร่งจากเหตุการณ์การล้มละลายของบริษัทต่างๆ และการที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มธนาคาร
โดยในบรรดาสินทรัพย์ในกลุ่ม "โลหะมีค่า" (precious metal) ทองคำเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตลาดเปิดโอาสให้นักลงทุนเลือกใช้ในการบริหารพอร์ตได้อย่างยืดหยุ่นในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย และด้วยความที่ทองคำมีความผันผวนสูงและมักเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้ม จึงเหมาะกับการเทรดไม่ว่าจะเป็นแบบระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตาม เทรดเดอร์ที่มีบัญชีกับ Admirals สามารถเลือกที่จะเทรดแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นได้
เตรียมความพร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งต่อไปได้แล้วตั้งแต่วันนี้
การสามารถเข้าถึงการเทรดในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายได้ และสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว บนแพลตฟอร์มการเทรดที่ปลอดภัย ถือว่าจำเป็นในการเตรียมความพร้อมสำหรับภาวะถดถอยในครั้งต่อไป และนี่คือสิ่งที่เทรดเดอร์จะได้รับจากการเทรดกับ Admirals
- เทรดภายใต้สภาพแวดล้อมที่ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินทั่วโลกที่เชื่อถือได้อย่าง FCA
- ดำเนินคำสั่งได้อย่างต่อเนื่องรวดเร็วได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการต่อสัปดาห์ บน MetaTrader ที่สามารถใช้งานได้ทั้ง PC, Mac, Android และ iOS
- ปกป้องเงินทุนจากนโยบายป้องกันเงินทุนติดลบ เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของคุณ
Admirals เปิดโอกาสให้คุณสามารถเทรดได้ทั้ง Forex และ CFDs สูงสุดถึง 80+ สกุลเงิน แถมยังมีบริการอัปเดตข่าวสารของตลาดล่าสุดและการวิเคราะห์ทางเทคนิคฟรี!
รู้จักกับ Admirals
Admirals คือ โบรกเกอร์ที่ได้รับรางวัลมากมาย รวมทั้งได้รับใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหลากหลายองค์กรทั่วโลก โดยให้บริการซื้อขายตราสารทางการเงินมากกว่า 8,000 รายการ ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก อย่าง MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 เพื่อให้คุณลงทุนใน Forex และ CFD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจการลงทุน สามารถเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันนี้!
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำในการลงทุน ข้อเสนอ หรือการชักชวนสำหรับธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงิน โปรดทราบว่าการวิเคราะห์การซื้อขายด้านบน ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน