ตราสารทางการเงิน - ตราสารทางการเงินมีกี่ประเภท อะไรที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน

นักลงทุนหลายคนจะต้องคุ้นเคยกับคำว่า “ตราสารทางการเงิน” กันอย่างแน่นอน แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า ตราสารทางการเงิน คืออะไร? หรือมีตราสารแบบไหนที่เหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละประเภท
บทความนี้จึงขออาสาพาผู้อ่านไปดูความหมายและรายละเอียดต่างๆ ของตราสารทางการเงิน รวมทั้งข้อมูลตราสารทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะสำคัญของตราสารทางการเงิน จุดเด่นของตราสารทางการเงิน การวิเคราะห์ตราสารทางการเงิน และการลงทุนตราสารทางการเงินไปพร้อมกันที่นี่!
รู้จักและเข้าใจตราสารทางการเงินใน 10 นาที
ทำความเข้าใจในตราสารทางการเงิน
ตราสารทางการเงิน คือ สัญญาใดๆ ที่ก่อให้เกิดสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งอาจเป็นการสร้างภาระผูกพันของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และผลประโยชน์ของอีกฝ่ายหนึ่ง ตามคำนิยามของ "มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ" (IAS) ที่ระบุว่า ฝ่ายที่เข้ามาที่ส่วนได้ส่วนเสียในสัญญา อาจเป็นบุคคลหรือกิจการหนึ่งๆ ก็ได้
สิทธิผูกพันและผลประโยชน์ต่างๆ เช่น สิทธิในการรับเงินดอกเบี้ย สิทธิในฐานะเจ้าของในบริษัท ข้อผูกพันที่บังคับให้ต้องชำระเงินเป็นการจำเพาะ เป็นต้น ตัวอย่างที่เราอาจคุ้นเคยอาจเป็น "พันธบัตร" ที่สร้างภาระผูกพันให้รัฐบาลต้องจ่ายเป็นดอกเบี้ยเป็นรายงวดให้แก่ผู้ซื้อพันธบัตร หรือก็คือ พันธบัตรคือตราสารทางการเงินประเภทหนึ่งที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อในการรับดอกเบี้ยนั่นเอง
ตราสารทางการเงิน มีกี่ประเภท ?
การตอบคำถามที่ว่าตราสารทางการเงิน มีอะไรบ้างนั้น สามารถกล่าวได้ว่าการจำแนกประเภทของตราสารทางการเงินนั้น สามารถทำได้หลายวิธี แต่โดยพื้นฐานจะจำแนกตามลักษณะของสิทธิของผู้ถือตราสารว่า ผู้ถือตราสารได้สิทธิเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นๆ อย่างแท้จริงหรือไม่ ซึ่งในกรณีนี้จะสามารถแบ่งตราสารทางการเงินได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ตราสารเงินสดและตราสารอนุพันธ์
1. ตราสารเงินสด (Cash Instrument)
Cash Instrument หรืออาจเรียกว่า "ตราสารเงินสด" คือ ตราสารทางการเงินที่มีมูลค่าในตัวมันเอง หรือเรียกว่า "อ้างอิงกับตลาดโดยตรง" มักเป็นตราสารที่แสดงสถานะความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์หนึ่้งๆ โดยทั่วไปแล้ว ตราสารเงินสดจะออกโดยองค์กรขนาดใหญ่ เช่น รัฐบาล หรือบริษัทมหาชน เพื่อการระดมทุน เช่น พันธบัตร, หุ้น เป็นต้น
เนื่องจากมูลค่าของตราสารทางการเงินจะถูกอ้างอิงตามราคาตลาดโดยตรง เช่น หากระบุว่า ตราสารมีมูลค่า 100 บาท โดยทั่วไปก็หมายถึงสามารถนำตราสารดังกล่าวไปแลกเป็นเงินกับสถาบันที่รองรับได้ 100 บาท ทำให้ Cash Instrument มีสถานะ "คล้าย" เงินสด ซึ่งแตกต่างจากตราสารอื่นๆ
องค์กรที่ออกตราสารเพื่อระดมทุน เรียกว่า "ผู้ออกตราสาร" (Issuer) โดยราคาสำหรับตราสารเงินสดที่ออกมาจะกำหนดโดยผู้ออกตราสาร ซึ่งต้องได้รับคำแนะนำและผ่านการตรวจสอบจากผู้แนะนำทางการเงินวิชาชีพ (FA) ก่อนจึงจะออกตราสารได้ ซึ่งหลังจากออกตราสารแล้ว ตราสารสามารถเปลี่ยนมือ ซื้อขายกันในตลาดรองได้ เช่น ตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น
2. หลักทรัพย์และหุ้น
ตามความหมายของชื่อ หุ้นหนึ่งหุ้นจะหมายถึงความเป็นหุ้นส่วนของความเป็นเจ้าของในบริษัทหนึ่ง หากบริษัทออกหุ้น 100 หุ้นและคุณซื้อ 1 หุ้นแสดงว่าคุณเป็นเจ้าของ 1/100 หรือ 1% ของ บริษัทนั้น ซึ่งสิทธิ์ในหุ้นจะเป็นเช่นนั้นเป็นต้นมาจนกว่าจะขายหุ้นออกไป โดยจะมีสิทธิ 1% ของเงินปันผลที่บริษัทนั้นจ่าย 1% ของสิทธิ์ในการออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น เป็นต้น
นอกจากนี้ บางครั้ง บริษัทต่างๆ จะแบ่งชั้นของหุ้นหลายชั้นโดยแต่ละชั้นจะมีสิทธิ์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้“หลักทรัพย์” ก็เป็นอีกคำที่สะท้อนความหมายของคำว่า “หุ้น” นั่นเอง
3. พันธบัตร
พันธบัตรเป็นเหมือน IOU หรือก็คือใบรับรองที่ผู้ออกหุ้น (หรือผู้กู้) ออกให้แก่นักลงทุนเพื่อแลกกับเงินสดจำนวนหนึ่ง ในกรณีของพันธบัตรนี้ เอกสารจะระบุข้อกำหนดและเงื่อนไข รวมถึงขนาดและความถี่ของการจ่ายดอกเบี้ยและวันที่ต้องชำระคืนพันธบัตร ซึ่งเรียกว่าวันที่ครบกำหนด
การจ่ายดอกเบี้ยไม่ตรงเวลาหรือไม่ชำระคืนพันธบัตรเมื่อครบกำหนดทำให้ผู้ออกตราสารหนี้เสี่ยงต่อการอยู่ในภาวะผิดนัดชำระต่อผู้ถือพันธบัตร
เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้ออกหุ้นเอง ดังนั้นพันธบัตรจึงเป็นตราสารทางการเงินที่รัฐบาลออกเองและจำเป็นต้องพึ่งพาเพื่อระดมเงินจากนักลงทุน ซึ่งทำให้ในช่วงเวลาหนึ่ง จะมีการหมุนเวียนพันธบัตรรัฐบาลหลายล้านล้านบาท
4. เงินกู้
เงินกู้ออกโดยธนาคารและสถาบันสินเชื่ออื่นๆ ให้กับองค์กรต่าง ๆ เช่น บริษัท รัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐ จากมุมมองของผู้กู้เงิน เงินกู้มีลักษณะค่อนข้างคล้ายกับพันธบัตร แต่เนื่องจากมีฝ่ายที่เกี่ยวข้องน้อยกว่า (โดยปกติจะมีเพียงธนาคารเดียว แต่ในบางครั้งก็มีผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนหนึ่ง) จึงสามารถเจรจาและจัดทำเอกสารได้ง่ายและรวดเร็วกว่าพันธบัตร ซึ่งอาจมีนักลงทุนหลายพันคนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
5. พันธบัตรแปลงสภาพ (Convertible Bonds)
พันธบัตรแปลงสภาพ หรือเรียกง่ายๆ ว่า Convertible ที่ใช้ชำระคืนหรือแปลงเป็นหุ้น ณ วันที่ที่หนึ่งในอนาคต ซึ่งหุ้นกู้แปลงสภาพนี้จะทำหน้าที่คล้ายพันธบัตรสำหรับช่วงแรกที่ออก จากนั้นจะมีการชำระคืนหรือเปลี่ยนเป็นหุ้นในช่วงที่สองของชีวิตของพันธบัตร
ข้อกำหนดสำหรับหุ้นกู้แปลงสภาพจะกำหนดขนาดและความถี่ของการจ่ายดอกเบี้ย (ถ้ามี) และเงื่อนไขและวันที่สำหรับการชำระคืนหรือการแปลงสภาพ
ซึ่งแทนที่จะเป็นวันที่จำเพาะ หุ้นกู้แปลงสภาพมักจะแปลงเป็นทุนมีเข้าสู่ภาวะหรือเงื่อนใดเงื่อนไขหนึ่ง โดยที่บริษัทมักจะออกและขายหุ้นใหม่ในจำนวนที่กำหนด
6. ตราสารอนุพันธ์ (Derivative Instrument)
ตราสารทางการเงินประเภทนี้ ก็คือเป็นตราสารทางการเงินที่เป็นตราสารอนุพันธ์หรือเรียกว่า derivatives ที่มีมูลค่าจากตราสารอื่นๆ เช่น สินทรัพย์อ้างอิง หรือ เรียกว่า Underlying
โดยสินทรัพย์อ้างอิงที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ หุ้นพันธบัตรดัชนี (เช่น S&P 500) อัตราดอกเบี้ยสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น กาแฟหรือน้ำมัน) และคู่สกุลเงิน
ตราสารอนุพันธ์ทางการเงินประเภทต่างๆ มีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่มี 2 อย่างที่เหมือนกันที่ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์และนักลงทุน
อย่างแรก คือค่าธรรมเนียมที่มักทำให้ผู้ถืออนุพันธ์มีโพซิชั่นใหญ่ในตลาด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือจะมีการเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ได้ใช้ประโยชน์จากการเทรดขยายผลกำไรหรือขาดทุนที่อาจเป็นไปได้ทั้งนั้น
ต่อมาก็คือ ตราสารอนุพันธ์ทำให้ไม่เพียงแต่มีการใช้เทรดกันยาวๆ หรือมีการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงเมื่อราคามีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ยังรวมไปถึงการชอร์ตหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงเมื่อราคามีแนวโน้มปรับตัวลงอีกด้วย
ด้านล่างนี้แสดงตราสารทางการเงินประเภทอนุพันธ์ที่พบบ่อยที่สุด
▶ ออปชั่น
การถือออปชั่น การเป็นเจ้าของออปชั่น โดยไม่มีข้อผูกพันธ์ในการซื้อ (หรือขาย) สินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดหรือที่เรียกว่าราคาสไตรค์
ออปชั่นที่ให้สิทธิ์ในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงบางครั้งเรียกว่า "Calls" และตัวเลือกที่ให้สิทธิ์ในการขายที่เรียกว่า "Puts"
เมื่อผู้ถือออปชั่นตัดสินใจที่จะซื้อ (หรือขาย) สินค้าอ้างอิงแล้วจึงจะมีการใช้ออปชั่นนั้นเกิดขึ้น
ทุกออปชั่นมีวันหมดอายุ หากผู้ถือออปชั่นไม่ยอมใช้ออปชั่นก่อนวันดังกล่าว ออปชั่นนั้นจะหมดอายุลงและผู้ถือจะเสียค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้ออปชั่นนั้นมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เนื่องจากออปชั่นต่างๆ จะมีคนให้ความสนใจก็ต่อเมื่อออปชั่นนั้นมีแนวโน้มที่จะทำกำไรให้กับผู้ถือ
▶ ฟิวเจอร์ส
ฟิวเจอร์สมีลักษณะเดียวกันกับออปชั่น แต่จะแตกกันตรงที่ผู้ถือฟิวเจอร์สจะมีแต่ข้อผูกพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ผู้ถือจะไม่มีทางเลือกใด และอนาคตจะต้องใช้สิทธิในหรือก่อนวันที่ครบกำหนดเท่านั้น ไม่ว่าธุรกรรมจะเป็นไปด้วยดีกับผู้ถือหุ้นในอนาคตหรือไม่ก็ตาม
▶ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD)
CFD เป็นคือข้อตกลงหรือสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างนักลงทุนหรือผู้ทำธุรกรรม 2 ฝ่ายเพื่อแลกเปลี่ยนความแตกต่างของราคาของสินทรัพย์ตั้งแต่เมื่อสัญญาเริ่มต้นจนถึงเมื่อสิ้นสุด
CFD จะคล้ายกับตราสารอนุพันธ์อื่นๆ ที่สามารถใช้เก็งกำไรจากราคาที่เพิ่มขึ้นและลดลง แต่ CFD จะแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ประเภทอนุพันธ์อื่นๆ ที่ระบุไว้ข้างต้นตรงที่ CFD ถือเป็นการเก็งกำไรอย่างเดียว ในขณะที่สินทรัพย์อ้างอิงจะไม่เปลี่ยนมือเมื่อสิ้นสุดสัญญา
ลักษณะตราสารทางการเงินและความแตกต่างของตราสารทางการเงินแต่ละประเภท
สำหรับตราสารแบบ Cash Instrument ในทุกๆ ประเภท เมื่อผ่านขั้นตอนการระดมทุนแล้ว ก็จะมีนักลงทุน-เทรดเดอร์ทั่วๆ ไปเข้ามาซื้อขายเก็งกำไรกันต่อ ยกเว้นแต่เพียง "เงินกู้" ที่ตัวตราสารจะไม่ได้มีตลาดรองมาซื้อขายโดยตรง และสำหรับการออกตราสารนั้น บริษัทขนาดใหญ่สามารถแจ้งขอออกตราสารได้ทุกประเภทตามความเหมาะสม แต่หากเป็นรัฐบาลหรือธนาคารกลาง จะออกเป็นพันธบัตรออกมา
▶ Cash Instrument
ตราสารอนุพันธ์ จะมีการใช้งานที่จำกัด และผู้ที่สามารถออกตราสารประเภทนี้ได้ก็มีไม่กี่ประเภท โดยตราสาร Option, Future จะมีฝั่งที่เป็น Market Maker คอยให้สภาพคล่องอยู่ ซึ่งก็ต้องเป็นสถาบันขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร ส่วนตราสาร CFD สามารถออกโดยโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาต เช่น Admirals เป็นต้น
นักลงทุนที่มีประสบการณ์จะใช้ Derivative ในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เนื่องจากตราสารประเภทดังกล่าวจะสามารถให้ผลตอบแทนเมื่อตลาดเป็นขาลงได้อีกด้วย ภาพรวมคุณสมบัติของแต่ละตราสารคร่าวๆ ดังต่อไปนี้
▶ Derivative
ใช้งาน MetaTrader 5 และเปิดบัญชีทดลองฟรี!
- เปิดบัญชีทดลองเทรด (Demo) ได้ฟรี และเปิดใหม่ได้เรื่อยๆ หากบัญชีหมดอายุ
- เทรดตลาด Commodity สำคัญๆ ได้ครบทุกตัว ทองคำ, น้ำมัน, แร่ธรรมชาติ ฯลฯ
- ฝึกลงทุนแบบนักลงทุน VI ด้วยพันธบัตรและกองทุน ETF ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น ARK, iShare, SPDR
การเปิดบัญชีกับ Admirals นั้นสะดวกรวดเร็วมากๆ เพียงกรอกแค่ชื่อกับอีเมลเท่านั้น คุณก็จะได้รับอีเมลรหัสสำหรับการเข้าเทรด และลิงก์สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมเทรด คลิกเปิดบัญชีที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ได้เลย
การลงทุนตราสารทางการเงินและคำถามที่พบบ่อย
ข้อเสียของการลงทุนในตราสารทางการเงินคืออะไร ?
จะไม่สามารถถอนเงินตลอดระยะเวลาของข้อตกลงในตราสารทางการเงินบางประเภท หรืออาจได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหากต้องการยกเลิกก่อนครบกำหนด โดยเฉพาะในตราสารทางการเงินบางประเภท เช่น บัญชีเงินฝากเงินสดและตลาดเงินซึ่งถือเป็นสินทรัพย์สภาพคล่อง
อยากลงทุนตราสารการเงิน เริ่มต้นยังไงดี ?
สามารถลงทุนตราทางการเงินที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้น ได้แก่ หุ้น อนุพันธ์ พันธบัตร และกองทุนรวม
การลงทุนตราสารทางการเงินถือเป็นการลงทุนใช่ไหม ?
ตราสารทางการเงินเป็นเพียงสัญญาระหว่างหน่วยงานที่เป็นตัวแทนของการแลกเปลี่ยนเงินสำหรับสินทรัพย์บางประเภท ซึ่งสามารถลงทุนในตราสารทางการเงินได้เกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เงินสด หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) บัตรเงินฝาก (CD) สินเชื่อ อนุพันธ์ เป็นต้น
บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
- การลงทุนกับการเทรดคืออะไร และต่างกันอย่างไร
- Position Trading - รู้จักและเข้าใจใน 10 นาที
- ดาวโจนส์ (Dow Jones) - วิธีเทรดและหลักการวิเคราะห์
ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อการวิเคราะห์:
สื่อ, สารสนเทศที่ได้นำเสนอมีรายละเอียดที่เชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ การประเมินผลลัพธ์ การคาดการณ์และการพยากรณ์รายเดือนหรือรายสัปดาห์ รวมถึงข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะของข้อมูลในรูปแบบเดียวกัน (ต่อไปจะเรียกว่า "การวิเคราะห์") ซึ่งได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ Admirals SC Ltd. ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โปรดศึกษาและพิจารณาข้อควรระวังดังต่อไปนี้
- นี่คือการสื่อสารทางการตลาด การวิเคราะห์ที่ถูกเผยแพร่ไปนั้น มีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำทางด้านการลงทุน ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน (Independence of Investment Research) และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใด ๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน
- การตัดสินใจลงทุนใดๆ ของลูกค้า เป็นการตัดสินใจแต่โดยลำพังของลูกค้าเอง ซึ่ง Admirals SC Ltd.จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นผลจาก "การวิเคราะห์" หรือไม่ก็ตาม
- ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าของเราและความเที่ยงธรรมของการวิเคราะห์ Admirals SC Ltd ได้กำหนดกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์
- การวิเคราะห์จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ (นักวิเคราะห์) (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้เขียน") เนื้อหาเป็นไปตามการประมาณการณ์ส่วนบุคคล
- ในขณะที่ใช้ความพยายามอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้แน่ใจว่า แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดมีความน่าเชื่อถือและมีการนำเสนอข้อมูลทั้งหมดในลักษณะที่เข้าใจได้ทันเวลา แม่นยำและครบถ้วนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Admirals SC Ltd ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของ ข้อมูลใด ๆ ที่อยู่ในการวิเคราะห์
- ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาหรือแบบจำลองใด ๆ ในอดีตของเครื่องมือทางการเงินที่ระบุไว้ในเนื้อหา ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการรับประกันโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยโดย Admirals SC Ltd สำหรับผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในอนาคต มูลค่าของตราสารทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นและลดลง ไม่มีการรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับมูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้น
- ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับความแตกต่าง; CFD) เป็นลักษณะของการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียหรือกำไร ก่อนที่คุณจะเริ่มการซื้อขายโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้