การเทรดดัชนี: รู้จักและเข้าใจดัชนีหลักน่าสนใจทั่วโลก

การเทรดดัชนี เป็นอีกคำยอดฮิตในตลาดหุ้นที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคำศัพท์ในชีวิตประจำวันที่คุณสามารถพบเห็นได้จากสื่อต่างๆ แต่เมื่อมีคำพูดที่ว่า "วันนี้ตลาดทำได้ดี" หมายความว่าอย่างไร แล้ว “ตลาดหุ้น” คืออะไร เราขอชวนคุณมาหาคำตอบเหล่านี้ไปพร้อมกัน!
บ่อยครั้งที่คนส่วนใหญ่พูดถึง "ตลาด" และพูดถึงดัชนีหุ้นด้วยไม่ว่าจะเป็น ดัชนีต่างๆ อย่าง Dow Jones Index, SP 500, CAC40 หรือ DAX 40 เป็นต้น แล้วดัชนี คืออะไร คุณตอบได้แล้วหรือยัง ?
รู้จักและเข้าใจการเทรดดัชนี
การเทรดดัชนี คืออะไร อยากเทรดเริ่มต้นอย่างไร ?
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะทราบชื่อและตัวย่อของดัชนีหลักทั่วโลกอยู่แล้ว แต่อาจไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าดัชนีเหล่านี้สามารถซื้อขายผ่าน CFD ได้ ซึ่ง CFD ดัชนีหุ้นนั้นไม่เพียงแต่สามารถวิเคราะห์ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถซื้อและขายในลักษณะเดียวกันกับวิธีการซื้อขายหุ้นได้อีกด้วย
แล้ว Stock Index หรือดัชนีหุ้นนั้นคืออะไร
ดัชนีหุ้นจะแสดงถึงมูลค่าของกลุ่มหุ้นจากประเทศต่างๆ และแสดงประสิทธิภาพโดยรวม โดยปัจจุบันและในอดีตของดัชนีหุ้นนั้นๆ เช่น ดัชนี FTSE100 ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท 100 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) สูงสุด ในขณะที่ S&P500 เป็นตัวแทนของบริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ จำนวน 500 แห่ง และ ดัชนี Dow Jones ที่ได้รวมบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 12 แห่งในสหรัฐฯ และวันนี้ดัชนี Dow Jones (DJI) ประกอบด้วยบริษัทที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุด 30 แห่งในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ของแต่ละประเทศในโลกจะมีดัชนีหุ้นอ้างอิง และบางแห่งก็มีดัชนีหลายตัว เนื่องจากเป็นการยากที่จะติดตามทุกหุ้นในทุกประเทศ ดัชนีหุ้นนี้จึงช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนให้สามารถวัดประสิทธิภาพโดยรวมของตลาดหุ้นหรือประเทศนั้นๆ ได้
โดยนักเศรษฐศาสตร์ นักการเมือง และนักวิเคราะห์จะใช้ดัชนีหุ้นเพื่อทำความเข้าใจตลาดการเงินและวิเคราะห์การทำงานและผลการดำเนินการของบริษัทในตลาดนั้นๆ
และหากคุณสนใจที่จะเรียนรู้การเทรดดัชนี เราขอแนะนำวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้คือการลองเทรดในบัญชีทดลองเทรดของเรา ซึ่งบัญชีทดลองเทรดนี้จะช่วยให้คุณสามารถซื้อขายได้ในสภาวะตลาดจริงด้วยเงินเสมือน ทำให้คุณไม่ต้องกังวลกับเงินทุนในการเรียนรู้ตลาดและทดสอบกลยุทธ์ของคุณ เริ่มต้นง่ายๆ ได้แล้ววันนี้ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างได้เลย!
ดัชนีตลาดหุ้นทำงานอย่างไร?
ดังที่ได้กล่าวข้างต้น ดัชนี คือ สิ่งที่แสดงถึงประสิทธิภาพของหน่วยงานต่างๆ เช่น
- ประเทศ เช่น ดัชนีเยอรมัน DAX 40
- กลุ่มหุ้นภายในประเทศ เช่น S&P 500 จากสหรัฐอเมริกา
- Sector หรือภาคส่วน เช่น ดัชนี Nasdaq ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้น (และบริษัท) จากภาคเทคโนโลยี
การที่ดัชนีหุ้นสามารถใช้อ้างอิงมูลค่าของประเทศ Sector หรือภาคส่วน หากมูลค่าของดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นหรือลดลง จึงเป็นตัวบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพโดยรวมของหุ้นทั้งหมดภายใน Nasdaq เมื่อราคาของดัชนีหุ้นเพิ่มขึ้น มูลค่าโดยรวมของดัชนีก็จะสูงขึ้นด้วย เช่นเดียวกับเวลาที่ดัชนีหุ้นกำลังเคลื่อนตัวลง ก็หมายความว่ามูลค่าโดยรวมของดัชนีกำลังลดลง
อย่างไรก็ตาม ทิศทางของดัชนีหุ้นไม่ได้ระบุว่าราคาหุ้นแต่ละตัวของดัชนีกำลังเคลื่อนขึ้นหรือลง ค่าเฉลี่ยของหุ้นทั้งหมดอาจมีมูลค่ามากขึ้น แต่ในขณะที่หุ้นบางตัวกำลังขึ้น หุ้นบางตัวก็อาจร่วงลง เช่นเดียวกับวันที่ดัชนีหุ้นขาลง หุ้นหรือภาคส่วนอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะเป็นขาลง แต่บางส่วนอาจเป็นตลาดกระทิง
เริ่มต้นเทรดดัชนีและวิธีคำนวณดัชนีหุ้น
ในอดีตหรือก่อนยุคดิจิทัล การคำนวณราคาของดัชนีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในปัจจุบันดัชนีหุ้นส่วนใหญ่จะใช้สูตรถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก เพื่อกำหนดมูลค่าของดัชนี โดยในระบบนี้น้ำหนักของแต่ละหุ้นคือ
ราคาหุ้น x จำนวนหุ้น / มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหุ้นทั้งหมด
โดยส่วนใหญ่ การคำนวณดัชนี คือ การชั่งน้ำหนักบริษัทตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หากมูลค่าตลาดของบริษัทคือ 1,000,000 ปอนด์ และมูลค่าหุ้นทั้งหมดในดัชนีคือ 100,000,000 ปอนด์ บริษัทก็จะมีมูลค่า 1% ของดัชนี
ซึ่งหมายความว่ามูลค่าของดัชนีหุ้น คือ ตัวชี้วัดทางสถิติของการเปลี่ยนแปลงในพอร์ตหุ้นที่แสดงถึงส่วนหนึ่งของตลาด
ทำไมต้องเทรดดัชนีในตลาดหุ้น ?
ดัชนีหุ้น คือ ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับตลาดการเงินอื่นๆ จากข้อดีที่น่าสนใจ ดังนี้
- สามารถซื้อขายตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นโดยรวม
- สามารถกระจายความเสี่ยงทันทีเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น
- สามารถเลือกใช้กลยุทธ์ต่างๆ ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้
- การเทรดดัชนี คือ ตลาดที่มีการควบคุมราคาน้อย เมื่อเทียบกับตลาดอื่น
- ช่วยให้ลงทุนในตลาดที่คุณคุ้นเคย เช่น FTSE100 ในสหราชอาณาจักร, SP500 ในสหรัฐฯ, DAX 40 ในเยอรมนี เป็นต้น
- ทางเลือกของการเทรดระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นก็มีข้อเสียที่ไม่อาจละเลยอยู่บ้าง ดังนี้
- ดัชนีหุ้นบางตัวมีสภาพคล่องน้อยกว่าตลาดอื่นๆ เช่น Forex
- ค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์อาจสูงกว่าเมื่อซื้อขายดัชนีน้อยกว่า
- ชั่วโมงการซื้อขายมีจำกัด โดยตลาดหุ้นจะเปิดเฉพาะในช่วงเวลาทำการในแต่ละพื้นที่เท่านั้น - ในขณะที่ Forex สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์
- เนื่องจากข้อจำกัดของเวลาทำการ ในช่วงที่ตลาดปิดอาจมีช่องว่างมากกว่าใน Forex
การเทรดดัชนีหุ้นและการลงทุนในหุ้นต่างกันอย่างไร ?
เมื่อเปรียบเทียบการลงทุนในหุ้นแบบดั้งเดิมกับการเทรดดัชนี ดูเหมือนว่าจะมีหลายเหตุผลที่ผู้คนเลือกซื้อขายดัชนีมากกว่า
กล่าวได้ว่าการลงทุนหุ้น คือ การเผชิญกับความเสี่ยงของบริษัทใดบริษัทหนึ่งโดยเฉพาะ ในทางตรงกันข้าม การลงทุนในดัชนี คือ การกระจายความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ เนื่องจากการลงทุนมีหุ้นนับสิบหรือหลายร้อยตัว นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการลงทุนดัชนีให้ผลกำไรมากกว่าการเลือกหุ้นทีละตัว เพราะดัชนีสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงตาม sector ต่างๆ และแม้กระทั่งตามภูมิศาสตร์ได้ด้วย
หากคุณซื้อขายดัชนีหุ้นด้วย CFD คุณยังสามารถเลือกใช้ Leverage (เลเวอเรจ) ซึ่งคุณสามารถซื้อขายด้วยเงินฝากที่มีเปอร์เซ็นต์เพียงเล็กน้อยของมูลค่าการลงทุน แต่เลเวอเรจที่สามารถเพิ่มผลกำไรแต่ก็อาจส่งผลให้ขาดทุนได้เช่นกัน
นอกจากนี้การเทรด CFD ดัชนียังสามารถซื้อขายได้นาน (ซื้อด้วยความหวังว่าจะเพิ่มมูลค่าและขายเพื่อผลกำไร) หรือสามารถซื้อขายระยะสั้นได้ (ขายด้วยความหวังว่าดัชนีจะมีมูลค่าลดลง จากนั้นก็สามารถปิดการซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่า เพื่อทำกำไรจากส่วนต่าง)
ทั้งนี้ การใช้ตำแหน่งขาย (short position) บน CFD (ทั้ง CFD หุ้นและ CFD ดัชนี) ดีกว่าการชอร์ตหุ้นแต่ละรายการ เนื่องจากเครื่องมือที่ช่วยในการจำกัดความเสี่ยง เช่น Stop Loss ซึ่งง่ายต่อการใช้งานภายในการซื้อขาย CFD
การเทรดดัชนีกับการเทรด Forex
ตลาดทั้งคู่มีประโยชน์และเหมาะสม แต่ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของคุณด้วย การซื้อขาย Forex อาจเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะจำเป็นต้องคาดการณ์การเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินเดียว ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ และอาจผันผวนสูง ในทางตรงกันข้าม การซื้อขายดัชนี คุณสามารถซื้อขายตามการคาดการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวในวงกว้างของตลาดได้
ซึ่งการเทรด Forex มักจะเหมาะกับนักเทรดระยะสั้น เนื่องจากมีความผันผวนสูงและสเปรดต่ำ ในทางกลับกัน การซื้อขายดัชนี โดยเฉพาะในดัชนีที่มีสเปรดที่กว้างกว่า อาจเหมาะกับเทรดเดอร์ระยะยาวมากกว่า เช่น Swing Trade
นอกจากนี้ คุณเข้าใจตลาดมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่เทรดเดอร์บางคนเข้าใจและสามารถซื้อขายเศรษฐกิจหรือภาคส่วนใดส่วนหนึ่งได้สำเร็จ ซึ่งเหมาะสำหรับการเทรดดัชนี แต่คนอื่นๆ เข้าใจการเคลื่อนไหวของสกุลเงินดีกว่าก็เหมาะสำหรับการเทรด Forex มากกว่า
อยากลงทุนดัชนี ต้องรู้จักดัชนีหุ้นเหล่านี้
การเริ่มต้นเทรดดัชนี สิ่งสำคัญคือต้องมีความรู้เกี่ยวกับดัชนีมีอยู่ทั่วโลก แต่ดัชนีบางตัวนั้นมีการซื้อขายมากกว่าตัวอื่นๆ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ยอดนิยม
ในตลาดหุ้นอเมริกา เชื่อว่าคุณต้องรู้จักตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการซื้อขายหลักทรัพย์ประมาณ 3,000 หลักทรัพย์
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงที่สุด 3 ดัชนี คือ Dow Jones Industrial Average (DJI30), Nasdaq และ S&P 500
ดัชนี DJIA กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่เทรดเดอร์ โดยมักจะมี 3-4 ช่วงของการเคลื่อนไหวของราคาที่แข็งแกร่งระหว่างเวลา 8.00 - 22.00 น. GMT เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2020 ดาวโจนส์แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 29,401.40 ตามแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2009
แม้ว่า Dow Jones จะทำได้ดีในขณะนี้ แต่ตลาดก็มีวัฏจักรขาขึ้นและขาลง และบางครั้งสิ่งเหล่านี้ก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นนี้มีการเคลื่อนไหวขึ้นอย่างสม่ำเสมอและค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็มีเวลาหลายปีและหลาย 10 ปีที่ดัชนีดังกล่าวประสบกับภาวะเฟื่องฟูครั้งใหญ่ พร้อมกับวัน เดือน และปีที่มีการลดลงอย่างมาก
มาทบทวนช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นกัน ดังนี้
- Wall Street Crash ในปี 1929: ความผิดพลาดเกิดขึ้นเนื่องจากการเก็งกำไรฟองสบู่ในหุ้น มันกินเวลานานสี่ปี
- Black Monday ในปี 1987: ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นภายในหนึ่งวันและเป็นการลดลงที่ใหญ่ที่สุดในวันซื้อขายวันเดียวถึง 22.61% แม้จะไม่มีสาเหตุที่ชัดเจนของความผิดพลาดอย่างกะทันหันในครั้งนี้ แต่ปัจจัยหนึ่งอาจเกิดการซื้อขายโปรแกรม
- Dot-com Bubble ในปี 2000: ราคาหุ้นเทคโนโลยีขยับขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างปี 1995- 2000 และฟองสบู่ที่เก็งกำไรก็แตกในปี 2000
- ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ในปี 2008 (หรือวิกฤตการเงินโลก): ระบบการเงินในสหรัฐฯ พังทลายลงในขณะที่ธนาคาร และสถาบันการเงินอื่นๆ รู้สึกว่าปัญหาที่เกิดจากหนี้เสียในตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งขยายตัวโดยการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
- การเพิ่มขึ้นของตลาดตั้งแต่ปี 2008: ตลาดหุ้นมีการเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งนับตั้งแต่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นสัญญาณขาขึ้นครั้งใหญ่
ภาวะขาลงเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เทรดเดอร์ต้องมีการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
SP500 - ดัชนีมาตรฐานของสหรัฐฯ
S&P 500 วัดผลการปฏิบัติงานของบริษัทขนาดใหญ่ 500 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
เช่นเดียวกับดาวโจนส์ ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลในเดือนมกราคม 2020 โดยแตะ 3,337.55 เมื่อวันที่ 22 มกราคม นอกจากนี้ ดัชนียังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่เดือนมีนาคม 2009 หลังสิ้นสุดวิกฤตการเงินโลกที่เลวร้ายที่สุด
NQ100 - ดัชนีหุ้น Nasdaq
Nasdaq 100 ประกอบด้วยบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 แห่งในภาคเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Nasdaq จะเป็นหนึ่งในดัชนีระดับโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากเทรดเดอร์ดัชนีหุ้นทั่วโลก
อยากเทรดดัชนีหุ้นสหรัฐ ทำอย่างไร ?
หากคุณสนใจเทรดดัชนียอดฮิตอย่าง Dow Jones, S&P 500 หรือ Nasdaq สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ได้ ดังนี้
1. เปิดบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ CFD โดยสามารถศึกษาขั้นตอนได้ ดังตัวอย่างในวิดีโอนี้
3. จากหน้าต่าง Market Watch เลือก "click to add…" ในแถบค้นหา จากนั้นค้นหารหัสของดัชนีที่ต้องการซื้อขาย โดยในตัวอย่างจะค้น 3 ดัชนี คือ [DJI30], [SP500] และ [NQ100] จากนั้น คุคลิกขวาที่เครื่องมือเพื่อเปิดกราฟ
4. เปิดการซื้อขายซื้อได้ตามต้องการ!
ดัชนีหุ้นยุโรปยอดนิยม
ดัชนีหุ้นยุโรปที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ FTSE100 ในสหราชอาณาจักร DAX ในเยอรมนี CAC 40 ในฝรั่งเศส และ Stoxx50 ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทต่างๆ ทั่วยูโรโซน
ดัชนีหุ้นอังกฤษ - FTSE 100
ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน หนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มีดัชนีหุ้นเป็นของตัวเอง คือ FTSE100 (หรือ Footsie) ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท 100 แห่งจากตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
ดัชนีหุ้นเยอรมัน - DAX 40
DAX เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 40 แห่งในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต โดยพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดและคำสั่งซื้อตามปริมาณ โดยดัชนีนี้ได้รับการจัดการโดย Deutsche Borse และราคาได้รับการคำนวณทุกวินาทีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2006 โดยระบบ Xetra เนื่องจากเยอรมนีเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป DAX40 จึงเป็นดัชนียอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์ต่างชาติ
ดัชนีหุ้นฝรั่งเศส - CAC 40
CAC 40 คือ ดัชนีหุ้นหลักของตลาดปารีสและก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1988 โดยดัชนี CAC 40 จะพิจารณาจากราคาของบริษัท 40 แห่ง ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปารีส
ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2003 ดัชนี CAC 40 ได้นำระบบมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดแบบลอยตัวมาใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับวิธีการดำเนินการของดัชนีหลักทั่วโลก ดังนั้น จำนวนหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อในตลาดของบริษัทหนึ่งๆ จะถูกนำมาพิจารณาในการคำนวณดัชนี
ดัชนีหุ้นยูโรโซน - STOXX 50
ปิดท้ายสำหรับการซื้อขายในเศรษฐกิจยูโรโซน กับดัชนี STOXX 50
Euronext คือตลาดหลักทรัพย์หลักในยุโรป และดัชนีหุ้น Euronext (ดัชนี Euro Stoxx 50) ประกอบด้วยบริษัท 50 แห่งจากยุโรปโดยพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
ดัชนีอื่นๆ ของยุโรป
ดัชนีในยุโรปไม่ได้มีเพียงรายการดัชนีหุ้นที่ได้รับความนิยมสูงสุดข้างต้น แต่ก็มีดัชนีหุ้นยุโรปอื่นๆ อีกหลายรายการ ที่น่าสนใจ ดังนี้
- ดัชนีหุ้นเบลเยียม: The BEL20
- ดัชนีหุ้นกรีก: ดัชนี Athex20
- ดัชนีหุ้นเดนมาร์ก: OMX Copenhagen 20 (หรือ KFX)
- ดัชนีหุ้นดัตช์: AEX25
- ดัชนีหุ้นฟินแลนด์: OMX Helsinki 25 (OMXH25)
- ดัชนีหุ้นไอริช: ISEQ
- ดัชนีหุ้นอิตาลี: FTSE MIB
- ดัชนีหุ้นลักเซมเบิร์ก: LuxX
- ดัชนีหุ้นนอร์เวย์: OBX25
- ดัชนีหุ้นโปรตุเกส: PSI 20
- ดัชนีหุ้นสเปน: Ibex35
- ดัชนีหุ้นสวีเดน: OMX Stockholm 30 (OMXS30)
- ดัชนีหุ้นสวิส: SMI20
ดัชนีหุ้นเอเชียแปซิฟิกยอดนิยม
นอกจากตลาดหุ้นหรือตลาดหลักทรัพย์หลักๆ ทั่วโลก อย่าง ตลาดหลักทรัพย์ปารีส ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน หรือตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กแล้ว ตลาดหุ้นเอเชียก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
ซึ่งดัชนีหุ้นเอเชียและออสเตรเลีย มักไม่ได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์ในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาเนื่องจากเขตเวลาที่แตกต่างกันมาก แต่ในทางกลับกันก็เป็นทางเลือกสำหรับเทรดเดอร์ที่เปิดการซื้อขายในชั่วโมงที่ไม่ปกติ หรือเทรดเดอร์ที่ทำการซื้อขายในช่วงระหว่างวัน
ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น - Nikkei 225
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์นิกเคอิ หรือที่เรียกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประกอบด้วยบริษัท 225 แห่ง และเป็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่สำคัญที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่น
ดัชนีหุ้นจีน - ดัชนีคอมโพสิต SSE และ CSI 30
หากพูดถึงที่ตลาดหุ้นจีน ก็ต้องพูดถึงดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต SSE ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นยอดนิยมในประเทศจีน ซึ่งใช้สะท้อนประสิทธิภาพของตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และดัชนีหุ้นจีนอีกตัวหนึ่งคือ ดัชนี CSI300 ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ที่รวบรวมบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 300 แห่งของประเทศตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
ซึ่งดัชนีหุ้นจีนเหล่านี้ บางครั้งเรียกว่าดัชนีหุ้นปักกิ่ง ซึ่งหมายถึงเมืองหลวงของประเทศจีน แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์นี้จะตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ก็ตาม
และดัชนีตลาดหุ้นจีน ต่อมาคือ FTSE China 50 ซึ่งประกอบด้วยบริษัท 50 แห่งที่ได้รับเลือกจากตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Stock Exchange) และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (Shenzhen Stock Exchange)
ดัชนีหุ้นฮ่องกง - HSI50
ดัชนีหุ้นเอเชียยอดนิยมอีกรายการหนึ่งคือดัชนี Hong Kong HSI50 ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกงที่ประกอบด้วยบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 50 แห่งของฮ่องกงตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
ดัชนีหุ้นออสเตรเลีย - ASX 200
S&P/ASX 200 คือตัวแทนของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 200 แห่งของออสเตรเลียตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด บริษัทเหล่านี้คิดเป็น 82% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของออสเตรเลีย ซึ่งหมายความว่า ASX ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณสามารถซื้อขายในตลาดหุ้นออสเตรเลียได้
หากคุณต้องการซื้อขายดัชนีหุ้นสหรัฐ ยุโรป หรือเอเชียแปซิฟิก สิ่งแรกที่ต้องทำคือดาวน์โหลดแพลตฟอร์มการซื้อขาย ซึ่งสามารถดาวน์โหลด MT5 ฟรี!
ด้วย MT5 คุณสามารถเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้หลายพันแห่ง อีกทั้งยังสามารถใช้ฟังก์ชันการสร้างกราฟต่างๆ รวมทั้งตั้งค่าต่างๆ ได้ตามต้องการคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง เพื่อดาวน์โหลด MT5 ได้เลย!
กลยุทธ์การเทรดดัชนีและไทม์เฟรม
กลยุทธ์การเทรดดัชนีขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ความพร้อมใช้งาน และความรวดเร็วในการดูผลตอบแทนจากการลงทุนของคุณ โดยหนึ่งในคุณสมบัติหลักของกลยุทธ์ขคือไทม์เฟรมในการซื้อขายของคุณ ซึ่งอาจอยู่ในช่วงตั้งแต่ Scalping ไปจนถึง Swing Trade
การเทรด Scalping
Scalping คือการซื้อขายระยะสั้น ซึ่งตั้งเป้าที่จะเปิดและปิดการซื้อขายภายในไม่กี่นาที เนื่องจากการเทรดเหล่านี้สั้นมากหรือเพียงไม่กี่จุดต่อการเทรด ทำให้กำไรจากการเทรดแต่ละครั้งมักจะค่อนข้างน้อยเช่นกัน เทรดเดอร์จึงจำเป็นต้องซื้อขายในปริมาณที่สูงมากหรือทำการซื้อขายจำนวนมากเพื่อทำกำไรที่เหมาะสม
Day Trading
Day Ttrading หมายถึงการซื้อขายภายในหนึ่งวัน การซื้อขายเหล่านี้มักจะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ซึ่งเทรดเดอร์จะเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียว
กลยุทธ์เทรดดัชนี แบบ Swing trading
Swing Trading คือการซื้อขายในไทม์เฟรมที่นานขึ้น โดยปกติจะใช้เวลา 2-3 วัน ถึง 2-3 สัปดาห์ ซึ่งการซื้อขายแบบ Swing Trading มักเป็นแนวทางที่ดีสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสถานะตลอดเวลา และไม่ค่อยกังวลกับความผันผวนของราคารายวันมากนัก เนื่องจากเทรดเดอร์มักจะติดตามแนวโน้มในระยะยาว
เนื่องจากดัชนีหุ้นเป็นไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ดัชนีเหล่านี้จึงเหมาะสำหรับการซื้อขายแบบ swing ซึ่งสามารถเห็นได้จากการเติบโตของ Dow Jones, Nasdaq และ SP500 ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาที่เติบโตควบคู่ไปกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ หากคุณชอบการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมากกว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิค ดังนั้น ไทม์เฟรมและเครื่องมือนี้จึงอาจเหมาะกับคุณ
แพลตฟอร์มที่ดีที่สุดเพื่อเทรดดัชนี
ตัวเลือกที่ดีสำหรับการซื้อขายดัชนีหุ้น แบบออนไลน์คือ MT4 และ MT5 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจาก MetaTrader แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
นอกจากนี้ ที่ Admirals คุณสามารถเข้าถึงตลาดการเงินที่หลากหลายภายในแพลตฟอร์มเดียวกัน รวมถึง CFD ดัชนี, Forex สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโต เป็นต้น
ทั้งนี้ Admirals ยังมีปลั๊กอินพิเศษอย่าง MetaTrader Supreme Edition ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของคุณโดยเฉพาะ ดังนี้
- Mini terminal
- Trade terminal
- Global opinion
- Indicator package
- Tick chart trader
- Trading simulator
- Mini charts
- Trading ideas and technical analysis from Trading Central
คำถามที่พบบ่อยในการเทรดดัชนี
การดัชนีดียังไง ?
การเทรดดัชนีจะช่วยให้คุณได้รับสามารถบริหารความเสี่ยงจากตะกร้าหุ้นหรือสินทรัพย์ที่หลากหลาย โดยพิจารณาจากภาพรวมของตลาดโดยรวมหรือภาคส่วนเฉพาะ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายในการเทรดดัชนีได้อีกด้วย
เทรดดัชนีดีที่สุดตอนไหน ?
ตลาดเปิดทำการ 9:30 - 10:30 น. ตามเวลาตะวันออก (ET) ซึ่งมักจะเป็น 1 ในชั่วโมงที่ดีที่สุดของวันในการเทรดแบบเดย์เทรด ซึ่งมีการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ที่สุดในระยะเวลาที่สั้นที่สุด นอกจากนี้เทรดเดอร์มืออาชีพส่วนใหญ่จะหยุดเทรดในช่วงเวลาประมาณประมาณ 11:30 น. เพราะนั่นคือช่วงที่ความผันผวนและปริมาณมีแนวโน้มที่จะลดลง
เทรดหุ้นกับเทรดดัชนีต่างกันยังไง ?
การเทรดหุ้น คือ การซื้อขายหุ้นของบริษัท ซึ่งมีราคาที่แตกต่างกัน โดยเทรดเดอร์ที่ถือหุ้นหลังจากซื้อหรืออาจโอนหุ้นนี้ให้ผู้อื่นได้ ส่วนการเทรดดัชนี คือ วิธีการที่เทรดเดอร์ใช้เก็งกำไรการเปลี่ยนแปลงของราคาดัชนี พูดง่ายๆ ก็คือการวัดทางสถิติของความผันผวนของตลาดที่มีความปลอดภัย
บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
- เทรดเดอร์คือใคร มีกี่ประเภท และทำอะไรกันบ้าง
- สินค้าโภคภัณฑ์ 10 อันดับที่เทรดเดอร์นิยมเทรด
- การป้องกันความเสี่ยงในหุ้น หรือ Stock Hedging คืออะไร
รู้จักกับ Admirals
Admirals คือ โบรกเกอร์ที่ได้รับรางวัลมากมาย รวมทั้งได้รับใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหลากหลายองค์กรทั่วโลก โดยให้บริการซื้อขายตราสารทางการเงินมากกว่า 8,000 รายการ ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก อย่าง MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 เพื่อให้คุณลงทุนใน Forex และ CFD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจการลงทุน สามารถเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันนี้!
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำในการลงทุน ข้อเสนอ หรือการชักชวนสำหรับธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงิน โปรดทราบว่าการวิเคราะห์การซื้อขายด้านบน ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน